วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

” หมอเจค็อบ วาทักกันเชรี“ ธรรมชาติบำบัด





ข้อความด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งของการบรรยายของหมอเจคอบ
อ่านฉบับเต็มคลิกด้านล่าง
http://www.organicthailand.com/webboard_167489_1279_th?lang=en
 “ธรรมชาติบำบัด” โดย เจค็อบ วาทักกันเชรี [No. 0]
วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๗

ณ เรือนร้อยฉนำ กรุงเทพฯ


 การมาเมืองไทยครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ ๒ ปีที่แล้วเป็นครั้งแรก เนื่องจาก คุณประชา หุตานุวัตร เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเสมสิกขาลัยได้ไปรักษาตัวที่นั่น และได้พบว่าการรักษาด้วยหลักธรรมชาติบำบัดได้ผลดี จึงเรียนเชิญหมอเจคอบมาจัดคอร์ดอบรมให้กับคนไทยที่นี่ และจากการจักอบรมเมื่อปีที่แล้วก็สืบเนื่องมาจนถึงปีนี้ เนื่องจากผู้เข้าอบรมเมื่อปีก่อนได้รับผลดีจากการใช้ธรรมชาติบำบัด ก็เลยบอกต่อ ๆ กันมา ปีหน้าก็จะมีอีก และปลายปีนี้จะจัดการเดินทางไปเยี่ยมศูนย์นวชีวันที่อินเดียอีกด้วย



เจคอบ;ขอแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสมาพบทุกคนในวันนี้ ที่ผมอยากจะกล่าวเกี่ยวกับธรรมชาติบำบัดก็คือ ธรรมชาติบำบัดเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น และมีความหมายมากขึ้น ซึ่งผมเคยมีประสบการณ์ หรือจากการทดลองด้วยตนเองมาแล้ว ที่จะนำมาแลกเปลี่ยนที่นี่



เมื่อประมาณ ๒๕ ปีที่แล้ว ผมได้พยายามที่จะเดินตามรอยเท้าของมหาตมา คานธี รวมทั้งอุดมคติในชีวิต เริ่มจากเป็นนักเคลื่อนไหวทางสังคมตามแนวคานธี จากนั้นก็ได้พบว่า หลักธรรมชาติบำบัดเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญเกี่ยวกับชีวิตของเรา ถ้าหากเราปราศจากสุขภาพที่ดีแล้วไซร้ เราก็ไม่อาจทำการใด ๆ ได้ แต่เราสามารถทำอะไรได้มากมาย หากเรามีสุขภาพที่ดี แต่ส่วนใหญ่เราจะมาตระหนักรู้คุณค่าของสุขภาพก็ต่อเมื่อเราได้สูญเสียมันไปแล้ว จากนั้นเราจึงจะรีบขวนขวายหาหนทาง ทำอย่างไรก็ได้เพื่อจะฟื้นฟูสุขภาพของเราขึ้นมา เราวิ่งไป รพ. ไปหาหมอคนแล้วคนเล่า ใช้ยาตัวแล้วตัวเล่า ผ่าตัดครั้งแล้วครั้งเล่า หรือใช้การรักษาโดยครีโม หรือฉายรังสี และแล้วจากการบำบัดมาแล้วเป็นเวลา ๕-๑๐ ปี เรากลับรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม ในการมีสุขภาพที่ดี และก็ได้ข้อสรุปที่ว่า การรักษาแบบนี้ ไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย มันคล้ายกับบทสนทนาระหว่างศาสตราจารย์กับคนเรือ มีศาสตราจารย์หัวสมัยใหม่ ไปจ้างชาวเรือในชนบท ระหว่างที่นั่งไปในเรือด้วยกันนั้น ท่านศาสตราจารย์ก็ถามชาวเรือขึ้นว่า



“เธอรู้เกี่ยวกับวิชาสังคมวิทยาหรือเปล่า” ชาวเรือก็ตอบด้วยเสียงเศร้าว่า “ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร”



“แล้วรู้เกี่ยวกับเรื่องชีววิทยาไหม”



“ไม่รู้จักครับ”



“แล้วรู้จักเกี่ยวกับจิตวิทยา มนุษยวิทยา สัตววิทยาหรือเปล่า” ศาสตราจารย์ถามอีก ชาวเรือตอบด้วยเสียงละห้อยว่า



“ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมยินชื่อประหลาดๆเหล่านี้ ผมไม่รู้จักมาก่อนเลยว่ามันคืออะไร”



“ถ้าเธอไม่รู้ในสิ่งเหล่านี้เลย ก็เท่ากับว่า ครึ่งหนึ่งของชีวิตเธอใช้มาอย่างสูญเปล่า มันไม่มีค่าอะไรเลย”



เมื่อได้ยินเช่นนั้นชาวเรือก็รู้สึกโศกเศร้าเป็นอันมาก แต่พอนั่งเรือไปได้สักพัก ก็มีพายุใหญ่กระหน่ำลงมา ปรากฏว่าเรือก็จมลง ชาวเรือจึงถามท่านศาสตราจารย์ว่า



“ท่านครับ ท่านรู้เกี่ยวกับวิชาว่ายน้ำวิทยาหรือเปล่าครับ” ท่านศาสตราจารย์ก็ตอบว่า



“ไม่ ฉันไม่รู้จักวิชาว่ายน้ำวิทยาเป็นอย่างไร”



“ถ้าเช่านั้น ท่านก็ไม่ได้เสียแค่ครึ่งหนึ่งของชีวิตท่านแล้วล่ะครับ ท่านได้สูญเสียทั้งชีวิตของท่าน”



จากสถานการณ์เดียวกันนี้ ไม่ต่างไปจากชีวิตของเราทุกๆวันนี้ เรารู้จักศาสตร์ต่างๆมากมายหลายแขนง แต่มีเพียงศาสตร์เดียวที่เราไม่เคยรู้จักเลยก็คือ ศาสตร์แห่งชีวิตของเรา เรารู้แม้กระทั่งว่าบนโลกนี้มีดาวกี่ดวง การเคลื่อนที่ของดวงจันทร์เป็นอย่างไร ระยะทางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ แต่เราไม่เคยรู้เกี่ยวกับตัวเองเลย



ทราบไหมว่าหัวใจของเราเต้นวันละกี่ครั้ง หัวใจของเราเต้นชั่วโมงละกี่ครั้ง นาทีละกี่ครั้ง หัวใจของเราเต้นมากกาว่าหนึ่งแสนสามหมื่นครั้งต่อวัน ไม่ใช่แค่เต้นเฉยๆ แต่มันต้องสูบฉีดเลือดประมาณครึ่งถ้วยต่อทุกๆจังหวะการเต้นเพื่อไปหล่อเลี้ยงร่างกายของเรา และทุกๆ หนึ่งนาทีหัวใจเราเต้นกว่า ๗๒ ครั้ง และแต่ละชั่วโมงเต้นประมาณ ๑๓๒๐ ครั้ง โดยไม่ได้พักเลย



เราลองทำงานเลียนแบบหัวใจของเรา กำมือเข้า-ออก ๗๒ ครั้งต่อนาที คิดว่าจะทำได้ไหม ทุกคนบอกว่าไม่ไหว เมื่อย เป็นไปได้หรือไม่ที่หัวใจของเราจะมีโอกาสพักสัก ๑ นาที เป็นไปไม่ได้ ถ้ามันพักแค่ ๑ นาที นั่นหมายถึงความตายของเราเป็นไปได้หรือไม่ ที่ปอดของเราจะได้พักสัก ๑ นาที กระแสเลือดของเราจะได้พักสัก ๑ นาที เป็นไปไม่ได้ กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ของเรา จะมีความสุขมาก หากมันจะได้พักบ้าง แต่เมื่อไหร่ล่ะที่มันจะได้พัก บางคนก็บอกว่าก็เวลาที่เราหลับ กระเพาะและลำไส้ก็จะได้พักด้วย แต่ปรากฏว่า เราเข้านอนหลังจากได้กินอาหารค่ำมื้อใหญ่ไปแล้ว แต่เมื่อเราหลับ ลำไส้และกระเพาะที่น่าสงสาร หลับกับเราไม่ได้ มันถูกบังคับให้ทำงานต่อไปตลอดคืนโดยไม่ได้พักผ่อนเลย พอตื่นเช้าเราก็ดื่มกาแฟแย่ๆเข้าไปหนึ่งถ้วย เป็นภาระหนักอีกชิ้นหนึ่ง ที่เราใส่ไปในกระเพาะของเรา พอแปดโมงก็มีงานอีกชิ้นหนึ่ง เราคิดว่าเราอดอาหารมาแล้วตลอดคืน เราก็กินเข้าไปอีกรอบ และไข่ดาวสองฟอง ข้างพูนๆสองจาน และอะไรอีกสองสามอย่างในตู้เก็บศพภายในบ้านของเรา เป็นตู้เก็บศพที่เราย้ายจากโรงพยาบาลมาไว้ในบ้านของเรา เราเก็บศพไว้ในนั้นทุกชนิด แล้วก็นำมาอุ่นครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วก็กินเข้าไป



เป็นไปได้หรือไม่ที่จะได้พลังชีวิตจากสิ่งที่ตายไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ ถ้าเราต้องการมีสุขภาพที่ดี มีจิตใจที่มั่นคง เบิกบาน มีพลัง มีความกระตือรือร้นในชีวิต เราจำเป็นต้องกินอาหารที่มีชีวิตอยู่ หมายถึงอาหารสด



เราหายใจอย่างถูกต้องหรือเปล่า ชีวิตสมัยใหม่เราลองไปรอบๆ จะเห็นว่า เราหายใจได้อย่างยากลำบากมาก แค่ทำอะไรบางอย่างกับจมูก เพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอดไปวันๆ สั้นๆ เร็วๆ ไม่มีใครใส่ใจกับคุณภาพของอากาศที่เราหายใจเข้าไป ศักยภาพของปอดในการเก็บกักอากาศ ถ้าเราสามารถหายใจเข้าปอดโดยศักยภาพของปอดเต็มที่ร้อยเปอร์เซนต์ เราก็จะมีสุขภาพที่ดีเต็มร้อยเช่นกัน แต่สิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เราหายใจกันแค่ ๒๐ เปอร์เซนต์ของศักยภาพปอด แต่เรากับคาดหวังว่า เราจะมีสุขภาพที่ดีถึงร้อยเปอร์เซนต์ แล้วก็มานั่งแปลกใจว่า ฉันกินยาตัวนี้เข้าไป ทำไมไม่ทำให้ฉันมีสุขภาพที่ดีเลย ง่ายๆ ให้เราหันไปทบทวนการหายใจกับศักยภาพของปอดเรา



เรารู้ทุกสิ่งทุกอย่างนอกตัวเรา ดวงดาว ดวงจันทร์ แต่เรารู้เกี่ยวกับตัวเองน้อยมาก ปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ มันไม่ใช่สิ่งใดเลย มันคือความกดดัน ไม่ใช่ความดันโลหิตสูง แต่เป็นความดันอาหารสูง เรากินเยอะมาก ตั้งแต่เช้าตรู่ ถึงค่ำคืนดึกดื่น เราชอบกินไก่ตอน หรือเด็กตอนคือเด็กที่ชอบกินไก่ตอน รูปร่างลักษณะไม่แตกต่างกัน เราควรจะลดอาหารลง ทุกวันนี้เราเหมือนกับเต้นไปกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่หรือบรรษัทข้ามชาติ เช่นมีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ทำงานให้กับบรรษัทข้ามชาติตีพิมพ์เอกสารเกี่ยวกับสุขภาพบอกว่าเต้าหู้เป็นสิ่งที่ดี คนก็วิ่งแห่ไปกินเต้าหู้ แต่พอนักวิทยาศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งทำงานให้กับอีกบรรษัทหนึ่ง ตีพิมพ์เอกสารว่าชาเขียวดีต่อสุขภาพเราก็จะแห่ไปกินชาเขียวอีก



ทุกๆมหาวิทยาลัย หมอทุกคนรวมทั้งนักวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ล้วนถูกควบคุมบงการ โดยบรรษัทข้ามชาติใหญ่ๆอยู่ข้างหลัง คอยควบคุมบงการโลกนี้ เป็นความท้าทายง่ายๆให้ใครก็ได้ระบุมาว่า มียาชนิดไหนไม่ก่อให้เกิดโรคมากกว่าห้าโรค ก่อให้เกิดแค่สี่โรคเท่านั้น ถ้าพิสูจน์ได้ว่ายาตัวไหนไม่เกิดผลข้างเคียงหรือโรคอื่นตามมา เรายินดีที่จะให้เงิน หนึ่งหมื่นหนึ่งบาทกับคน ๆนั้นในทันที



เมื่อ สามปีที่ผ่านมา ผมมีกลุ่มทำงานเคลื่อนไหวที่ต่อต้านการใช้ยาพาราเซตามอนในอินเดีย เพราะยาพาราฯทำลายทั้งไต และตับของเรา แต่พอมีคนเสียชีวิตเพราะการใช้ยาพาราฯ หมอในรพ.ก็อ้างว่า คนนั้นตายเพราะโรคฉี่หนู ส่วนในเมืองไทยก็จะบอกว่าป่วยเป็นโรคไข้หวัดนก ผมเคยนั่งเผชิญหน้ากับผู้นำองค์กรสุขภาพระดับสูงที่อินเดีย โดยมีหนังสือที่บ่งชี้การใช้ยาที่พิมพ์โดยกลุ่มของเขาเอง ผมได้ขอร้องให้ผู้มีอำนาจด้านสุขภาพที่นั่นให้เลิกใช้ยาพาราฯ



ที่ศูนย์ธรรมชาติบำบัดของผมในทุก ๆ เดือน จะมีผู้ป่วยโรคไตเข้ามารับการรักษา ๘-๑๐ คน มาในระยะที่ค่อนข้างหนัก คือ ระยะสุดท้าย พอไปดูประวัติคนไข้ ก็พบว่าคนไข้เหล่านั้น มีอาการป่วยเพราะใช้ยาพาราฯ ด้วยเอกสารเหล่านี้ ที่ผมได้ศึกษาผมก็เดินหน้าเข้าไปเรียกร้องกับรัฐบาล ในที่สุดกองควบคุมการใช้ยาที่นิวเดลี ก็ออกกฎหมายประกาศว่า ฉลากการใช้ยาพาราฯทุกชนิด ว่าการใช้ยาพาราฯเกินขนาดจะมีผลต่อตับ เราคิดกันอย่างไรในเรื่องนี้ ตอนนี้กฎหมายนี้ออกมาแล้วในอินเดีย แต่ในเมืองไทยไม่มีเลย เราสามารถทำลายตับ ไต ของเราด้วยการใช้ยาพาราฯ เพราะเรามีการฟอกไต มีการบำบัดโรคไตหลายวิธีในเมืองไทย



จากคู่มือการใช้ยาสำหรับหมอและเภสัชฯ จะมีคำเตือนว่า ยาพาราฯมีผลร้ายแรงต่อผู้ที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ส่วนผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายอีกข้อ จะมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน และมีปัญหาเกี่ยวกับโรคตับ



และในนั้นยังระบุไว้ด้วยว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะถึงแก่ชีวิต จาการใช้ยาตัวนี้ แต่อย่ากังวลเพราะมีเปอร์เซ็นเป็นไปได้น้อย แต่ก็มี บางคนอาจถามว่า แล้วเพนนิซิลิน กับ เตสต้าไซคิน เป็นอย่างไร เมื่อปี ๒๐๐๐ มีคนเสียชีวิตในรัฐเคราลานับร้อยคน พอมีคนเสียชีวิตหมอก็บอกว่าเป็นเพราะเชื้อไวรัส แต่ทางกลุ่มทางธรรมชาติบำบัดของผมไม่เชื่อ จึงทำการสืบสวนเพื่อตรวจสอบ ก็พบว่าคนไข้ที่เสียชีวิตจะไปรพ. ด้วยอาการป่วยเป็นไข้ พอไปรักษาตัว ๑-๒ สัปดาห์ก็เสียชีวิต หมอก็บอกว่า คนป่วยเสียชีวิตเพราะไข้เลือดออก หมอก็จะออกกฎให้ฆ่ายุง และกำจัดลูกน้ำยุงลายให้หมด หมอบางคนก็บอกว่าเป็นเพราะเชื้อไวรัสหนู ก็ต้องฆ่าหนูให้ตายทั้งหมดเพื่อแก้ปัญหานี้



อันนี้คือคำแนะนำจากแพทย์สมัยใหม่ คือ ฆ่าหมา แมว หนู ยุง โรคเอดส์ก็เกิดจากคนรักของเราเพราะฉะนั้นต้องฆ่าเธอด้วย แนวคิดแบบนี้เป็นขั้วตรงข้ามกับพระเจ้า จิตวิญญาณ วัฒนธรรม มนุษยธรรม เป็นแนวคิดของปีศาจ เราถูกสอนว่า อย่าไปถูกตัวคนอื่นเดี๋ยวจะได้รับโรคติดต่อกลับมา ห้ามไอ เพราะแบคทีเรียจะฟุ้งกระจายไปทั่ว



การแพทย์สมัยใหม่ได้ขยายความเกลียดชังไม่ใช่ความรัก ทีมของผมได้เข้าไปตรวจสอบการเสียชีวิตในรัฐเคราลาในตอนนั้น ถามว่าการรักษาที่ให้แก่คนไข้ที่เสียชีวิตไป ทางโรงพยาบาลก็บอกว่า เราก็ให้แค่ยา เตสตาไซคิน กับเพนนิซิลินเท่านั้นเอง เขาถามกลับมาว่า คุณไม่รู้หรือว่ายาสองชนิดนี้ช่วยรักษาชีวิตคนไข้เอาไว้



ในหนังสือเล่มนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับยา ของสหรัฐอเมริกา พูดเกี่ยวกับการใช้ยาเตสตาไซคิน ตรงคำเตือนบอกว่ายาตัวนี้ ไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคไต โรคตับ และโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบปัสสาวะ และพูดถึงเพนนิซิลินว่า ไม่สามารถใช้แทนยาที่ใช้ต่อต้านแบคทีเรีย เช่น เอสโตไมซิน เตสตาไซคิน หรือนีโอมัยซิน เพราะยาแต่ละตัวมีผลแทรกแซงซึ่งกันและกัน แต่คนที่ตายไม่ได้ตายเพราะเชื้อโรค แต่ตายเพราะยาเหล่านี้นี่เอง เรากลับไปถามหมอว่า หมอให้ยาตัวไหนแก่คนไข้ที่เป็นไข้หวัดนก ผมเชื่อว่า เป็นยาตัวเตสตาไซคิน หรือเพนนิซิลิน



ที่อาศรมฯ มีคนป่วยมาพร้อมกับถุงยา บอกว่า ตัวเองเริ่มมีอาการเป็นโรคไต พอรู้ข้อมูลที่ผมบอก ก็ตกใจมาก ยาสมัยใหม่ทุกชนิดคือยาพิษ ถ้าเราอยากจะตายยาพวกนี้ง่ายในการฆ่าตัวตาย ในหนังสือที่ตีพิมพ์โดยสมาคมแพทย์อังกฤษ ระบุว่า ถ้าใช้ยาพาราฯ ๑๐-๑๕ กรัม ภายใน ๒๔ ชั่วโมงอาจทำให้เกิดอาการตับและไตหดตัวอย่างรุนแรง ภายในเวลา ๓-๔ วัน สามารถเสียชีวิตได้ จากการใช้ยาสมัยใหม่เราไม่สามารถรักษาสุขภาพที่ดีของเราไว้ได้ เราแค่ช่วยรักษาสุขภาพของหมอและผู้จำหน่ายยาเท่านั้น



เวลาที่เราเป็นหวัด เราไปหาหมอ หมอจ่ายยาให้เรากินเข้าไปเราคิดว่าเป็นยาที่ดีมากเพราะหวัดหยุดทันทีแต่เชื่อว่า ในระยะเวลา ๑๐-๒๐ ปีต่อมา เราจะได้รับโรคไมเกรน ต่อมาเริ่มป่วยเป็นเบาหวาน เพราะมียาสมัยใหม่กว่า ๑๕๕ ชนิด ที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน พอเรากินโรครักษาเบาหวานไป ๔-๕ ปี เราก็จะมีอาการความดันโลหิตสูงตามมา จากนั้น ๓-๔ ปีก็จะมีอาการโรคหัวใจตามมาเป็นผลพลอยได้ และถ้าเรากินยารักษาโรคหัวใจ ภายใน ๓-๖ ปีเราก็จะป่วยเป็นโรคไต ชาตามมือ เท้า เปื่อยพุพองจากโรคเบาหวาน เบาหวานขึ้นไปที่ตา อาการเหล่านี้จะมีชื่อหลาย ๆ ชื่อ ตามที่ถูกตีตราประทับไว้ ถ้าเรามีแผลอักเสบ เขาก็จะบอกว่า ต้องตัดนิ้วทิ้งไป พอแผลลามไปอีกนิ้วก็ต้องตัดอีก พอลามไปอีกก็ตัดทั้งมือทั้งเท้า จากนั้นก็ตัดขาใต้เข่า แล้วก็ตัดทิ้งไปทั้งขา นี้เป็นขั้นตอนการบำบัดของแพทย์สมัยใหม่ ยิ่งรักษาก็ยิ่งได้รับการเจ็บป่วยหรือโรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นหากเราต้องการมีสุขภาพที่ดี เราต้องมีวิถีที่แตกต่างจากนี้โดยสิ้นเชิง



หากเราต้องการรักษาปัญหาสุขภาพของเราให้หาย อยากตายอย่างสงบสุขเราต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติของเรา ไม่มียาตัวไหนให้สุขภาพทีดีแก่เราได้ ไม่มีหมอคนไหน รพ.ไหนให้สุขภาพที่ดีแก่เราได้ เพราะถ้าเขารักษาเราให้หายจริง เขาก็ต้องปิดโรงพยาบาลไปแล้ว เขาคงไม่ทำเช่นนั้นแน่ เพราะเป็นความผิดพลาดแก่ธุรกิจของเขา ทุกคนต้องการ ความมั่นคงในหน้าที่การงาน มีธุรกิจที่เจริญก้าวหน้า



อะไรคือวิถีทางแบบใหม่ ที่จะได้ซึ่งสุขภาพที่ดีอย่างแท้จริงมา ลองมองไปที่ตัวเอง มันอยู่ตรงนั้นแล้ว ภายในร่างกายทุกคน มีพลังแห่งการบำบัดและเยียวยา ทำไมเราต้องไปวิ่งหาจากข้างนอก หลายคนบอกว่าไม่จริงฉันไม่เชื่อ ฉันเฝ้าแสวงหาการรักษามา ๒๐ ปีแล้ว ฉันไม่เห็นพลังแห่งการบำบัดนั้นสักนิด จริง ๆ แล้วทุกคนมี เพราะร่างกายของเราไม่ได้เป็นแค่รถยนต์ รถยนต์ก่อกำเนิดมาอย่างปราศจากชีวิต เมื่อเราให้อาหารแก่มันมันจึงมีชีวิตและทำงานได้ แต่สำหรับมนุษย์แล้ว พลังชีวิตได้อยู่กับเรา ก่อนที่เราจะเกิดมา พลังแห่งชีวิตก่อให้เกิดร่างกาย และรู้ว่าจะร้องขออาหาร น้ำ การพักผ่อน การย่อยอาหาร การดูดซึมอย่างไร รู้ที่จะขับของเสียออกมาอย่างไร รู้ที่จะเจริญเติบโตอย่างไร และแน่นอนมันรู้ว่าจะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับร่างกายนี้อย่างไร เป็นร่างกายที่มีกลไกที่แสนฉลาด ร่างกายของเรารู้ดีว่า จะซ่อมแซมตัวมันเองอย่างไร หน้าที่ของเราก็คือ ยอมให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองเพราะมันรู้ว่าจะขับสารพิษออกมาอย่างไร



มี ๕ ช่องทางที่ร่างกายจะขับสารพิษออกมา

๑.หายใจออก

๒.เหงื่อ

๓.ปัสสาวะ

๔.อุจจาระ

๕.ประจำเดือน



ถ้าหากช่องทางการขับพิษทั้ง ๕ มีปัญหาหรืออุดตัน ทำงานไม่ได้เต็มที่ ผลจะเป็นอย่างไร เช่น ถ้าเราหายใจไม่เหมาะสม หมายความว่า แก็สพิษก็จะถูกกักขังสะสมอยู่ในร่างกายของเรา ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ก็จะเต็มไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าซพิษบางอย่าง เราจะรู้สึกสดชื่นได้อย่างไร ปริมาณออกซิเจนที่อยู่ในเลือดของเรา เป็นตัวบ่งชี้สุขภาพ เวลาที่คนป่วยมาบ่นว่า คุณหมอฉันรู้สึกอ่อนเพลียจังเลย ผมบอกว่าให้ออกจากห้องคอมพิวเตอร์ ให้ไปที่ภูเขาหรือชายทะเล ไปลองฝึกรามายานะ ซึ่งเป็นศิลปะการเยียวยา ให้ทำวันละ ๕ นาที เราแค่ยินยอมให้ปรานของเราได้เริงระบำ และดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น



เราอยากจะขับเนื้องอกหรือเซลล์มะเร็งที่เจริญเติบโตในร่างกายออกไปหรือเปล่า ถ้าอยากทำเช่นนั้น ให้หายใจอย่างถูกต้อง ดื่ม กิน พักผ่อนอย่างเหมาะสม ภายในเวลาเพียง ๓ เดือนเท่านั้น เราจะสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ เพราะร่างกายเรารู้ดีที่สุดว่า จะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร



การขับเหงื่อ ทุกวันนี้เรามีเหงื่อออกกันบ้างหรือไม่ บางคนไม่ชอบที่เหงื่อออกต้องการพัดลม ต้องการเครื่องปรับอากาศ และแป้งโรยตัว ไม่มีใครต้องการเหงื่อ เราเอาแป้งมาอุดตันรูขุมขนของเรา ร่างกายของเราขับรูพิษทางรูเหงื่อ ไม่เช่นนั้นสารพิษก็จะไปทำลายระบบไต แล้วทำไมเราไม่อะไร ปิดช่องปัสสาวะ อุจจาระของเราบ้าง มันก็สกปรกเหมือนกัน ทำไมไม่เอาซีเมนต์มาปิดทับก้นของเรา ไม่ให้ถ่ายอุจจาระออกมา เหมือนที่เราทำกับรูเหงื่อของเรา ปัสสาวะและอุจจาระของเราก็เหม็นด้วย เราไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น เราสร้างห้องน้ำไว้ในบ้าน เพื่อเป็นกระแสนิยมเท่านั้น เพราะด้วยวิธีชีวิตสมัยใหม่ แทบไม่มีใครอุจจาระกันแล้ว อาการท้องผูก เป็นโรคที่เกิดขึ้น เยอะที่สุดสำหรับชีวิตสมัยใหม่ ผมเคยถามคนไข้คนหนึ่งว่า คุณเคยมีปัญหาท้องผูกด้วยหรือเปล่า คนไข้บอกว่าไม่ นักธรรมชาติบำบัดสามารถวินิจฉัยโรค ด้วยการมองด้วยสายตา ก็บอกได้ พอคนไข้บอกว่า ไม่มีปัญหาท้องผูก ผมก็เถียงกับเขาว่า ไม่จริงหรอก คุณมีปัญหาท้องผูกแน่ ๆ คนไข้บอกว่าไม่จริง เพราะทุก ๆ สัปดาห์ผมจะถ่ายหนึ่งครั้ง



ที่อาศรมวงศ์สนิท วันหนึ่งมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมากับแม่ของเขา มาตรวจโรคกับผม หลังจากที่กดจุดที่มือของเขาแล้วบอกว่า คุณมีปัญหาท้องผูก เด็กผู้ชายตอบอย่างมั่นใจว่าไม่มี ผมก็บอกว่ามี เขาก็ตอบซ้ำว่าไม่มี เขาบอกว่าผมถ่ายทุกๆ ๒ วัน เขาไม่ต้องเอาปูนมาโบก เมื่อดื่มน้ำโคคาโคลา มันก็จะทำงานของมันเอง กินฮอทดอกเยอะๆ และเราก็จะเป็นหมาตายในไม่ช้า กินของหวาน อาหารเหล่านี้ก็จะทำหน้าที่ของมันเอง กินของทอด รับรองว่าเราไม่สามารถขับถ่ายได้ ของเสียก็จะเหนียวและแห้งติดค้างอยู่ในลำไส้ของเรา เรากินศพจากตู้เก็บศพภายในบ้านของเรา มันก็จะยังอยู่ที่นั่นในท้องของเรา เราไม่เคยยินยอมให้กระบวนการล้างพิษตามปกติเกิดขึ้นตามธรรมชาติ พิษต่างๆก็ยังคงค้างอยู่ในร่างกายของเรา



มีคนไข้เป็นคนไทยหลายเคยบอกผมว่า มีปัญหาความร้อนในร่างกายสูง ขึ้นลงเหมือนคลื่น ผมถามว่ากินอย่างไร เขากินอาหารที่มีโปรตีนสูง อาหารที่มีขยะทั้งหลาย กินอาหารที่ตายแล้ว ไม่ใช่แค่ ๓ หรือ ๕ ครั้งต่อวันเท่านั้น แต่กินทุกครั้งที่มีใครก็ตามนำมาให้ เมื่อไหรก็ตามที่เดินไปเจออาหารที่เราอยากกิน แล้วแถมในความฝันเราก็ยังฝันถึงอาหารที่อยากจะกินอีก พอตื่นขึ้นมา หมอนฉันหายไปไหน เมื่อคืนฉันนอนฝันถึงไอสครีม ก็เลยกินหมอนเข้าไปด้วยตอนที่ฝัน แต่กระเพาะอาหารของเราก็มีข้อจำกัดของมัน ร่างกายของเราก็มีขีดจำกัดของมัน เราควรให้ความเคารพแก่ขีดจำกัดนั้น



ร่างกายที่เต็มไปด้วยสารพิษก็คือที่มาของโรคภัยทั้งหลายที่เราเป็นอยู่ ก่อนที่เราจะวิ่งไปหาหมอที่โรงพยาบาล เราควรย้อนกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่าร่างกายของเราสะอาดพอหรือยังเราได้หายใจอย่างถูกต้องเหมาะสมหรือยังเราได้ขับเหงื่อตามธรรมชาติหรือเปล่า ผมเชื่อว่าทุกวันนี้ไม่มีใครเข้าห้องน้ำตามความต้องการของร่างกาย เราใส่กางเกงยีนรัดๆมันยากที่จะเข้าห้องน้ำปัสสาวะก็เลยต้องอั้นไว้ มีนักเรียนหลายคนที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่ายปัสสาวะ ดื่มน้ำไม่เพียงพอ เข้าห้องน้ำน้อยครั้งและลองถามเกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระ บางคนบอกว่าฉันไม่เคยมีปัญหาท้องผูก ถ้าเช่นนั้นเวลาถ่ายตอนเช้าคุณถ่ายหลังอาหารเช้าหรือเปล่า เข้าก็ตอบว่าใช่ แน่นอนถ้าเราเอาอะไรใส่เข้าไป ดันจากข้างบน ของข้างล่างมันก็ต้องออกมา แต่นี้ไม่ใช่ การถ่ายตามปกติ บางคนอาจจะดื่นน้ำ ๒ ลิตรในทุกๆเช้า เพื่อจะมีการขับถ่ายที่ดี มันไม่จำเป็นต้องใช้วิธีอย่างนั้น ถ้าการทำงานของช่องขับพิษ ทำงานตามปกติ ผมรับรองว่าจะไม่มีการเจ็บป่วยใดๆทั้งสิ้น แต่เนื่องจากวิถีชีวิตสมัยใหม่ของเรา ทำให้มีสารพิษเข้าสู่ร่างกายของเราสูงมาก และกระบวนการขับพิษทั้ง ๕ ช่องทางนี้ ก็ไม่เพียงพอที่จะขับพิษทั้งหมดออกมาได้ เพราะอากาศเต็มไปด้วยมลพิษ และน้ำก็ปนเปื้อน อาหารเต็มไปด้วยสารพิษ



ลองกลับไปดูว่ากลไกมหัศจรรย์ของการทำงานในร่างกายของเราคืออะไร เพื่อที่จะขับสารพิษเหล่านี้ออกมาให้หมด ร่างกายเลยจัดการก่อให้เกิดขบวนขับพิษพิเศษขึ้นมา อะไรคือขบวนการขับพิษพิเศษของร่างกายของเรา เหมือนยางสำรองรถยนต์หรือเปล่า



ไข้หวัดเป็นอาการเจ็บป่วยธรรมดาที่มีกัน เวลาที่เราเป็นหวัดเราทำอะไรบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะไปหาหมอ กินยาเพื่อหยุดอาการ แต่จริงๆแล้วเวลาที่เราเป็นหวัด มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเราบ้าง น้ำมูกไหลตลอดทั้งวัน แต่พอกินยาก็หยุด เป็นยาที่เยี่ยมยอดมาก เวลาที่น้ำมูกไหลทั้งวันเป็นเรื่องที่ยากลำบากที่จะยอมให้น้ำมูกไหลออกมาได้อย่างไร มันเป็นส่วนสำคัญต่อสุขภาพของเราหรือไม่ เราอยากจะเก็บกักมันไว้ในปอดของเรา ในโพรงไซนัส มันมีค่ามากขนาดที่คุณไม่ยากจะขับมันออกมาหรือ เราอยากให้ร่างกายของเราขับมันออกมาหรือเก็บมันไว้ข้างใน



คนทุกวันนี้เสียสติ เพราะไม่ต้องการให้ร่างกายได้ทำความสะอาดอวัยวะภายในของมันเอง จริงๆ แล้วหวัดไม่ใช่โรค มันไม่ต่างอะไรกับอุจจาระ หวัดคือกระบวนการล้างพิษแบบพิเศษของร่างกายของเรา ปัสสาวะเป็นการขับพิษแบบปกติ จะเกิดอะไรขึ้น หากเรากินยาไปสกัดกั้นอาการหวัดเอาไว้ เราก็จะได้รับโปรโมชั่นคือไมเกรน เนื่องจากเรามีมูกตกค้างอยู่ในปอดหรือทางเดินหายใจ ตกกลางคืนก็จะมีวงดนตรีบรรเลงอยู่ในปอดของเรา มีชื่อที่ไพเราะเพราะพริ้งว่า อาการหอบหืด ถ้าเราใช้ยาไปสกัดกั้นหยุดอาการของหวัด ผลที่ตามมาก็คือไมเกรน และเวลาที่เรากินอาหารที่ร่างกายไม่ต้องการ เช่น อาหารรสหวาน อร่อย แต่สำหรับท้องของเรา อาหารเหล่านั้นคือกรดที่ย่อยไม่ได้ เป็นสารพิษที่ย่อยไม่ได้ เป็นสารพิษสำหรับท้องเรา เราอยากให้ท้องของเราทำอย่างไรกับอาหารเหล่านี้ ท้องเรารู้ดีมันก็เลยออกมาด้วยอาการท้องเสีย เราก็กลัว วิ่งไปโรงพยาบาล หยุดมันด้วยการใช้ยา ร่างกายก็ต้องพยายามขับพิษออกมาด้วยการอาเจียน แต่เราก็ไม่ยินยอม เราฉีดยาเข้าไประงับอาการอาเจียนในระยะเวลา ๒-๕ ปี หากเราโชคดีพอ เราก็จะได้รับโรคหอบหืด โรคภูมแพ้ ผื่นแพ้ทางผิวหนังตามมา หากเราไม่มีโชคสารพิษที่ตกค้างก็จะเข้าไปในกระแสเลือด ไตของเราก็จะดูดซับเข้าไป ผลตามมาก็คือไตวาย เราสามารถเสียชีวิตหลังจากเสียเงินไป ๓ ล้านกับการฟอกไต และบำบัดรักษาต่างๆ นานา ที่โรงพยาบาล โรคไขข้อต่างๆ ก็เกิดจากการใช้ยาไประงับการขับสารพิษแบบพิเศษของเรา และการเป็นไข้ก็เป็นการเพิ่มอุณหภูมิความร้อนสูงในร่างกายเพื่อเผาผลาญพิษที่มีอยู่ คือระเบิดที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อปาใส่สิ่งมีพิษที่แปลกปลอมเข้ามา การเป็นไข้เป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดที่ร่างกายใช้บำบัดเยียวยาตัวเอง



ฉะนั้นคนไข้ของเราจะสวดมนต์ภาวนาขอให้ตัวเองเป็นไข้สัก ๑๕ วัน ๒๐ วัน ขอให้มีไข้ขึ้นสูงเรามีคนไข้ของเราอยู่ที่นี่คนหนึ่ง คือคุณอ้อย เป็นเนื้องอก ๒-๓ แห่งในร่างกาย อดอาหาร ดื่มแต่น้ำ หรือน้ำผลไม้ ๒ สัปดาห์ ตอนนี้หันไปดูเธอนั่งยิ้มอย่างมีความสุข มีความสุขกับตอนที่เป็นไข้ คุณสมบูรณ์ก็อยู่ตรงนี้ด้วย ผมแต่งบทกวีเพื่อคุณโดยเฉพาะ ตอนที่คุณเป็นไข้ และอาเจียนออกมาติดต่อกัน ๕ วัน เอาน้ำหนักออกจากร่างกายและมีไข้ด้วย พอหายจากเป็นไข้ ดูสดชื่น และเป็นสาวขึ้น



คุณลุงสุพจน์ก็อยู่กับเราด้วย เคยใช้ยาติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า ๒๐ ปี รักษาความดันโลหิตสูง เบาหวาน คุณโซฟีภรรยาก็อยู่ตรงนี้ด้วย หลังจากใช้อาหารธรรมชาติบำบัด น้ำหนักเธอลดลงไป ๕ กิโล เชื่อมั้ยว่าคนไข้ที่เคยใช้ยาติดต่อกันมา ๒๐ ปี จะหยุดใช้ยาและรักษาตัวเองได้ คุณอนุชาก็สามารถบอกเราได้ถึงประสบการณ์รักษาโรคเบาหวาน เขาเคยใช้ยารักษาโรคเบาหวานมา ๑๘ ปี ตอนนี้เลิกใช้แล้ว ฉะนั้นเราไม่ควรเอาอะไรไปหยุดยั้งการขับพิษแบบพิเศษของร่างกาย เมื่อไรที่เราพยายามยับยั้ง เรากำลังทำหนังสือเดินทาง เป็นการเดินทางที่ยากลำบากและทรมาน แต่คนที่ใช้หลักธรรมชาติบำบัดและใช้โยคะ รับรองได้ว่าเราจะตายได้อย่างสงบสุข



บางครั้งก็มีคนไข้โรคมะเร็งมาจากศูนย์รักษาโรคมะเร็ง เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หลังจากที่มารักษาที่ศูนย์เพียง ๓๐ วัน กลับพบว่าตัวเองมีความสุขขึ้น สงบขึ้น หลวงพี่โชคชัย ที่อยู่ที่นี่ด้วย เป็นอีกท่านหนึ่งที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการใช้หลักธรรมชาติบำบัดดูแลตัวเอง อย่าคิดว่าร่างกายของเรา แบ่งออกเป็นชั้นๆ ตู้ๆ เหมือนรถไฟ เพราะร่างกายของเรามีแค่กายเดียว ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือปัญหาอย่างเดียว แต่การแพทย์สมัยใหม่มีชื่อเป็นพันๆชื่อ เกี่ยวกับชิ้นส่วนในร่างกายของเรา เช่น ปวดหัว ปวดท้อง ปวดหลัง จะมีชื่อเรียกอีกชื่อ ถ้าปวดหัวก็ต้องไปหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศีรษะ ด้านเท้า ด้านเล็บ ด้านจักษุ แท้จริงแล้วร่างกายของเราเป็นกายเดียว ฉะนั้นวิธีการรักษาก็มีแค่วิธีเดียว ถ้าเราสามารถกินผลไม้ติดต่อกันเป็นระยะเวลา ๒ สัปดาห์ จะเกิดอะไรขึ้น พี่นีสามารถบอกได้ ช่วยบอกได้ไหมว่า ถ้าเรากินแต่ผลไม้ติดต่อกัน ๒ สัปดาห์จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา พี่นิรมลด้วย



ชื่อนิรมล เจริญศีลค่ะ อายุ ๔ ๙ ปีก่อนที่จะมา เมื่อ ๗ ปีที่แล้ว เกิดอาการปวดท้องขึ้นมากลางดึก ไปอุลตร้าซาวนด์พบว่าข้างซ้ายมีก้อนเนื้อเกิดขึ้น และก็มีตุ่มเม็ดเล็กๆขึ้นมา หมอก็บอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ไหนๆ คุณก็มีลูกแล้ว ๒ คน ก็ตัดออกไปเลย ไม่จำเป็นต้องใช้มันแล้วล่ะ ก็เกิดอาการต่อลองขึ้นมาอย่างแข็งขัน ในที่สุดเราก็ชนะ เราก็ตัดออกไปข้างซ้ายข้างเดียว จากนั้นหมอก็ให้ฮอร์โมนมากิน ๑ เดือน ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้น ๒ เดือนกลับไปตรวจ หมอบอกว่าพบอีกแล้วที่ข้างขวาเป็นตุ่มเล็กๆขึ้นมา และหมอบอกว่าฮอร์โมนที่ให้ไปคุณกินไม่ได้แล้วล่ะ ตายล่ะทีนี้เราจะทำยังไง ใจเราก็แย่ หมอให้ไปออกกำลังกาย เราก็เพิ่งผ่าตัดยังไม่ครบ ๓ เดือน จะออกกำลังกายยังไง หมอไม่ได้ให้คำตอบที่ดีกับเราเลย พอเวลาผ่านไป ๓ เดือนก็มีอาการคันทั้งตัว เราก็ไม่ได้เกา มันเหมือนจะเป็นแผลเน่าออกมาเลย ไปจ็อกกิ้ง อาการนั้นหายไปก็จริงอยู่ แต่อาการที่ตามมาก็คือ เข่าของเราแย่ แต่ถ้าเราไม่วิ่งจนเหงื่อออกอาการของเราก็จะไม่หาย ก็เลยไปโยคะ คิดว่าเล่นไม่ถูกจุด ทานอาหารผิดวิธี เพราะยังกินไอสครีม เบเกอรี ของหวาน เหมือนเดิม นอนดึก จากนั้นก็ไปหาหนังสือธรรมะมาศึกษา นั่งสมาธิ ก็ดีขึ้นในระดับหนึ่ง ก็หาสมุนไพรมากินด้วย แต่ก็ไม่ดีขึ้น ใน ๑ ปี มี ๓๖๕ วัน ๑๒ เดือน ใน ๑ เดือน ๒ สัปดาห์ มันจะค่อยๆไม่สบาย ค่อยๆ หมดแรง จนกรระทั่งนอนลงไปมีแค่ร่างกายกับลมหายใจ เหมือนตายแล้ว ในระยะ ๔ ปี ไม่ทำงานอะไรเลย เสียงาน เสียอนาคต



มาบำบัดที่นี่แค่ ๑๕ วัน เราได้ชีวิตใหม่ขึ้นมา เราสามารถทำอะไรได้อีกเยอะ คิดไม่ถึงเลยว่าแค่อดอาหาร และทำตามที่หมอบอก ยึดหลักตรงนี้ไปปฏิบัติจะทำให้เราได้ชีวิตใหม่ขึ้นมา ขอยืนยันว่าได้ผลจริงๆ ขอบคุณค่ะ



เจคอบ:จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องมาเข้าอบรมที่แคมป์ก็ได้ เพราะร่างกายของเราแต่ละคนรู้ดีว่าจะซ่อมแซมตัวมันองอย่างไร เราต้อเปิดโอกาสให้มันบ้าง ผมไม่ได้รักษาใครเลย แท้ที่จริงร่างกายของแต่ละคนมีพลังของการเยียวยา มีพลังธรรมชาติ เราสามารถได้รับการเยียวยานั้นได้ ผมเพียงให้คำแนะนำ เพื่อหยุดยั้งการก่อให้เกิดมลพิษในร่างกายเราเพิ่มขึ้นมี ๓ ขั้นตอน คือ

๑.ชำระล้าง

๒.เยียวยา

๓.ฟื้นฟู



ถ้าเราต้องการทาสีบ้านใหม่ อยู่ๆเราก็ทาทับลงไปเลยอย่างนั้นใช่ไหม จะเกิดอะไรขึ้น เราต้องทำความสะอาดบ้านก่อน ถ้าเราไม่ได้ชำระล้างร่างกายของเราก่อน เราก็ไม่สามารถชำระล้างโรคอะไรได้ทั้งสิ้น และในช่างเวลาขอองการชำระล้างเราก็ไม่สามารถเข้าไปสู่ขั้นตอนการฟฟื้นฟูได้ เราจะยินยอยให้ลูกๆของเรามาวิ่งเล่นในตอนที่เรากำลังทำความสะอาดบ้านหรือเปล่า ก็ไม่ ฉะนั้นช่วงการชำระล้างและการเยียวยา เราจะรู้สึกอ่อนเพลียมาก ไม่มีแรง



มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะกล่าวกับทุกคน การแพทย์สมัยใหม่ มีการจัดการกับโรคได้ดีมาก เป็นการควบคุมโรคที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะหาได้ในโลกนี้ แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ๆไม่สามารถรักษาโรคของเราให้หายไปได้



มีใครในที่นี้จะบอกเราได้ว่า ยาสมัยใหม่สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ มีตัวยาตัวไหนสามาถรักษาโรคเนื้องอกในสมองให้หายขาดได้ ถ้าเราจะรักษาเนื้องอกในสมอง ต้องใช้ขวานจาม ไม่มียา โรคต้อกระจกก็ไม่มียา ไมเกรนก็ไม่มี โรคไซนัสก็ไม่มี มีแต่การควบคุมอาการที่ไม่สิ้นสุด ถ้าเป็นทอนซิลก็ต้องตัดทิ้ง นั่นคือการรักษาที่ดีที่สุดที่เราจะคาดหวังจากแพทย์สมัยใหม่ โรคไทรอยด์ก็แค่ตัดทิ้ง ง่ายมาก ทุกรพ.จะมีการผ่าตัดวันละ ๑๕ ครั้ง



โรคหอบหืดมีการควบคุมโรคที่ดีมาก เขาให้ปืนมากระบอก เมื่อมีปัญหาก็จะใช้ยาพ่น หมอบอกว่าโรคหอบหืดจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใช้ยาตัวนี้แล้วจะสามารถควบคุมอาการได้ โรคหลอดเลือดอุดตัน ไม่ต้องกังวลหรอก ก็ผ่าตัดทำบายพาส เอาเงินมา ๒๐ ล้านก็พอ ถ่ายหัวใจก็ง่ายมาก เพราะเรามีการแพทย์ที่ล้ำหน้า ทันสมัย โรคปวดข้อก็ใช้ยาแก้ปวดเยียวยาได้ โรคกกระเพาะล่ะ ก็มีตัวยาควบคุมอาการที่ดีที่สุด โรคเบาหวาน ครั้งนี้หมอจะประสบความสำเร็จก็คือ ย้อนถามเรามาว่า ไม่รู้หรือว่าโรคเบาหวานเป็นโรคที่รักษาไม่หาย เราก็พูดไม่ออก เพราะมันพิสูจนน์มาแล้วทั่วโลกว่า เบาหวานเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ต้องกินยาควบคุมน้ำตาลไปตลอดชีวิต และถ้าเราเป็นโรคความดันสูง หมอก็จะบอกให้เรากินยาตัวนี้ไปตลอดชีวิต แต่จะไม่บอกว่ามันรักษาไม่หาย



และถ้าเป็นนิ่วในตับอ่อน หมอก็จะบอกให้เราตัดตับอ่อนทิ้งไป ปวดไส้ติ่งก็ตัดทิ้ง ปวดเกี่ยวกับถุงน้ำดี หมอก็แนะนำให้ไปตัดทิ้ง



มันไม่มียาในการรักษาโรคใดๆ เลยที่เกิดขึ้น หลอกลวงผู้คน เวลาที่เราประสบอุบัติเหตุตามท้องถนน บางคนอาจนำราส่งรพ.อย่าไปด้วยตนเอง การรักษาที่รพ.อันตรายมาก แต่ตอนนี้ที่รัฐเคราลา คุณหมอที่รพ.กลายมาเป็นเพื่อน เป็นคนไข้ที่ศูนย์ธรรมชาติบำบัดของผม หมอเหล่านี้ไม่เคยให้ยาแก้ปวดแก่ลูกๆของตัวเอง และไม่เคยใช้ยาปฏิชีวนะเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเอง ไม่เคยให้วัคซีนแก่ลูกหหหลานของขาด้วย เพราะเขารู้ดีว่าวัคซีนอันตรายและมีผลร้ายแรง



ตอนนี้ศูนย์มีคนไข้ อย่างน้อยประมาณ ๑๐ คน ทีเป็นหมอสมัยใหม่ มีหมอคนหนึ่งยินดีให้ติดรูปพร้อมลายเซ็นต์ไว้ที่ศูนย์ เพราะมีความสุขที่ได้รับการรักษาที่ศูนย์นวชีวัน ก็คือว่า เขาป่วยเป็นมะเร็งที่ท้อง และพบว่าหลังผ่าตัด เซลมะเร็งได้แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย และมีคนแนะนำให้มารักษาที่ศูนย์นวชีวัน เขาเลยตัดสินใจมารักษาที่นี่ ภายใน ๑ เดือนก็สามารถรักษามะเร็งจนหาย



ตอบคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวตามแนวธรรมชาติบำบัด



Q: อยากทราบขั้นตอนการอดอาหารด้วยตนเอง ระยะเวลา และมีอันตรายหรือไม่



A: (ตอบโดยพี่นี)ปกติคนที่ไม่เคยอดอาหารมาก่อนเลย ไม่อยากแนะนำให้ทำเต็มรูปแบบ เพราะการทำเต็มรูปแบบ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีอาการต่างๆเกิดขึ้น วิธีที่เราทำกันเอง เราจะดื่มน้ำผลไม้ ๑ วัน ต่อ ๑ สัปดาห์ เลือกวันที่เหมาะสม



เจคอบ:ร่างกายของเราต้องการการพักผ่อน เวลาที่เรากินอะไรเข้าไปร่างกายของเราจะวิเคราะห์ว่า เรากินอะไรเข้าไป และตับจะหลั่งน้ำย่อยเพื่อไปย่อยอาหารเหล่านั้น สมองของเราจะวิเคราะห์ว่า อาหารที่เรากินเข้าไปนั้นมีพิษหรือเปล่า เพื่อจะสั่งให้ร่างกายไปขับสารพิษ แค่ย่อยอาหารอย่างเดียวในกระเพาะของเราก็ใช้เวลา ๕ ช.ม.ในการย่อย และการทำงานในลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ตอนที่ร่างกายต้องดึงเอากลูโคสเข้าไปในกระแสเลือด เลือดของเราจะนำกลูโคสและสารอาหารต่างๆไปหล่อเลี้ยงร่างกาย เซลของเราจะรับสารเหล่านี้เข้าไปด้วย ต้องมีอินซูลินไปช่วย ในการที่เซลจะดูดกลูโคสเข้าไปได้ ยังต้องการออกซิเจนช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร ฉะนั้นกระบวนการย่อยอาหาร เป็นกระบวนการที่ยากที่สุดในโลกนี้ เราสามารถทำงานได้หลายอย่าง แต่เราไม่สามารถทำการย่อยอาหารได้ เวลาที่เราสามารถมอบวันหยุดพักให้ร่างกายของเราได้ อวัยวะภายในจะขอบคุณเราอย่างมาก อย่างน้อย ๑ วันต่อ ๑ สัปดาห์ กินแต่ผลไม้ ถ้าเราเป็นโรคเบาหวาน ก็ไม่ต้องกังวล กินผลไม้ได้ ถ้าเรามีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงกว่า ๑๕๐ ให้กินแต่ผักสดตลอดทั้งวัน แล้วค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปเป็นน้ำผลไม้ ดื่มแต่น้ำผลไม้ ๑ ครั้งใน ๑ สัปดาห์ แล้วค่อยเสริมสร้างความมั่นใจด้วยการอดอาหาร ดื่มแต่น้ำเปล่า



การอดอาหารแค่ ๑ วันไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆทั้งสิ้น เราสามารถทำงานและอดอาหารได้ แต่ในวันถัดมา ตอนที่จะเลิกอด กินแต่ผลไม้ แต่ถ้าเราต้องการอดอาหารเพื่อที่จะบำบัดอาการเจ็บป่วยในร่างกายของเรา ก็ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่มีปประสบการณ์มาแล้วที่นั่งอยู่ด้านหน้า



ถ้าเราเป็นผู้ป่วยโรคร้ายแรง ต้องระมัดระวังในการอดอาหาร เพราะในกระบวนการชำระล้างร่างกายด้วยการอดอาหารมันจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก การอดอาหารเย็น ถ้าลองไปทำดูแล้วจะชอบ นี่เป็นการทดลองอย่างง่ายๆ



อีกวิธีหนึ่ง ให้เปลี่ยนอาหารเย็นเป็นผลไม้ งดกินอาหารทุกชนิดหลัง ๒ ทุ่มไปแล้ว แล้วดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายใน ๓ วัน ผ่าน ๓ วันไปแล้วเราจะรู้สึกสดชื่น และมีพลังเพิ่มขึ้น



Q: หากไม่สามารถไปร่วมแคมป์ได้ ช่วยแนะนำวิธีในการดูแลตัวเองด้วย



A: (พระ)เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารใหม่ งดอาหารหลัง ๒ ทุ่ม ถ้าเรากินอาหารประเภทข้าว เนื้อสัตว์ พอหลับร่างกายของเราไม่หลับด้วย เราจะรู้สึกเหนื่อยหลังจากตื่นขึ้นมา ลองเปลี่ยนอาหารเย็นเป็นผลไม้ ลดเนื้อสัตว์ อาตมาฉันผลไม้มื้อเดียว ตอนเช้าฉันผลไม้ลูกเดียวเป็นเวลา ๑๕ วัน ดื่มน้ำมะพร้าว ๓ วัน รู้สึกมีพลังมาก พอกลับมากินอาหารจะรู้สึกว่าร่างกายจะส่งพลังจากทุกส่วนไปย่อยอาหาร เราจะรู้สึกเหนื่อย ถ้าอยากดูแลตัวเองต้องพยายามลดเนื้อสัตว์ลง



เจคอบ:ตอนที่เราทานผลไม้หรือผักสด มันจะไม่ก่อให้เกิดปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นพิษ เพราะต้นไม้ไม่ต้องเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ ผักและผลไม้เป็นอาหารที่มีอันตรายน้อยที่สุด เป็นอาหารทิพย์ ถ้าเราต้องการมีวิถีชีวิตที่ถูกต้อง เป็นวิถีชีวิตที่แท้จริงแล้ว เช้าตรู่ ดื่มน้ำมะพร้าวหรือน้ำผลใ หรือน้ำผักคั้น หรือน้ำผึ้ง ๒ ช้อนผสมน้ำเปล่า ๑ แก้ว หรือน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวและน้ำเปล่า จะให้การเยียวยาที่ดีต่อระบบประสาท และทำให้ตาของเราเย็นลง แต่ถ้าเราดื่มชา กาแฟ เมื่อมันหยดลงเสื้อของเราแล้วก่อให้เกิดคราบ ฉันใดก็ฉันนั้น มันก็จะก่อให้เกิดคราบต่ออวัยวะภายในของเราด้วย



แล้วนมล่ะ นมดีมากสำหรับเด็ก แต่ไม่ใช่ของเรา นมถูกผลิตเพื่อทารก จนถึงสองขวบ และเราต้องกินแต่นมแม่ของเราเท่านั้น เพราะวัวไม่ใช่แม่ของเรา



แทนที่จะก่อให้เกิดมลพิษมากขึ้น เราควรเริ่มกินอาหารที่ชำระล้างร่างกายของเราคือ น้ำมะพร้าว น้ำผลไม้ หรือน้ำผัก และก่อนที่เราจะกินอะไรเข้าไป ควรตั้งคำถาม ๔ ข้อ เพราะอาหารมีคุณลักษณะ ๔ ประการ

๑.ชำระล้าง

๒.เยียวยา

๓.ฟื้นฟู.ให้พลังงาน

๔.ก่อให้เกิดมลพิษ



เวลาที่เราดื่มน้ำมะพร้าว มันจะก่อให้เกิดมลพิษต่อร่างกายหรือไม่ ไม่ เพราะน้ำมะพร้าวมีคุณสมบัติในการชำระล้าง และฟื้นฟูพลังงานให้แก่ร่างกาย และช่วยเยียวยาปัญหาสุขภาพขอองเรา และเวลาที่เราดื่มชา-กาแฟ มันช่วยชำระล้างหรือไม่ ไม่ คุณสมบัติที่แท้จริงของชา-กาแฟก็คือ ก่อให้เกิดมลพิษในร่างกาย และให้พลังงานเล็กน้อย ถ้าเราดื่มโคคาโคลา กินน้ำตาลทรายขาวเข้าไป ร่างกายจะเป็นอย่างไร น้ำตาลทรายขาวต้องการแคลเซียมเพื่อมาย่อยตัวมันเอง ร่างกายก็ต้องดึงแคลเซียมจากกระดูก และฟันของเรา ด้วยเหตุนี้ เมื่อเวลาอายุ ๒๐-๒๒ ปี หมายคนต้องไปหาหมอฟัน เพราะฟันผุ เนื่องจากการกินน้ำตาลทรายขาวเข้าไปนั่นเอง



สำหรับน้ำผลไม้ น้ำผักคั้น น้ำมะพร้าว น้ำเล่า คุณสมบัติของน้ำเหล่านี้คือการชำระล้าง เราอาจจะเรียกอาหารเหล่านี้ว่าเป็นอาหารแห่งการเยียวยา เมื่อเรากินผลไม้ ทราบไหมว่ามันจะก่อให้เกิดพิษในร่างกายของเรามากน้อยแค่ไหน คุณสมบัติของผลไม้คือฟื้นฟูพลัง มีคุณสมบัติในการชำระล้างเป็นอันดับสอง แต่เวลาที่เรากินข้าวหรือของปรุงสุก อาหารเหล่านั้นมีคุณสมบัติในการให้พลังงาน และคุณสมบัติประการที่สองก็คือ ก่อให้เกิดสารพิษหรือของเสีย ถ้าเรากินประเภทปลา ไข่ เนื้อสัตว์ สิ่งที่รับได้รับอันดับแรกคือสารพิษ ไม่มีคุณสมบัติในการเยียวยาในอาหารเหล่านี้ และต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการขจัดสารพิษด้วย



สมมติว่าเราเอาปลา ๑๐๐ กก. เก็บไว้ในห้องปิดสนิท เนื้อสัตว์ ๑๐๐ กก. ใส่ไว้ในห้องที่สอง ผัก ๑๐๐ กก.ในห้องที่สาม ผลไม่ ๑๐๐ กก.ใส่ไว้ในห้องที่สี่ ผ่านไป ๑ สัปดาห์ ก็ไปเปิดประตูดู เดินเข้าไปในห้องแรกที่เก็บปลาไว้ ก็จะได้กลิ่นหอมหวลของปลา ลองไปเปิดห้องที่สี่ จะเหม็นมากหรือเปล่า ไม่เลย เราสามารถเข้าไปนอนหลับในนั้นได้เลย จากนั้นไปห้องที่สองที่เก็บเนื้อ เปิดประตูแล้วเข้าไปในนั้น พบทั้งหนอน ทั้งแบคทีเรีย จนต้องวิ่งหนีออกมา ไปที่ห้องที่สามที่เก็บผักก็ไม่มีปัญหาอะไร



สมมติว่าผ่าตัวเราครึ่งหนึ่ง ลองดมกระเพาะของเรา กระเพาะเราตอนนี้มีกกลิ่นเหมือนห้องแรกหรือเปล่า



อวัยวะภายในของเราสะอาดหรือสกปรกกันแน่ ถ้าหากอวัยวะของเราเต็มไปด้วยกลิ่นคาวปลา คือความสกปรกที่เกิดจากเนื้อสัตว์ ก็สมควรได้รับความเจ็บปวด โรคภัยไข้เจ็บที่เราได้รับเป็นผลจากการทำงานอย่างหนักจากตัวเราเอง การก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บแก่ร่างกายของเราไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะร่างกายของเราพยายามที่จะขจัดของเสีย และสารพิษออกมาตลอดเวลา อวัยวะภายในต้องการชำล้างตัวมันเองให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นการที่จะสร้างมลพิษให้เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ด้วยการทำงานอย่างหนักของเรา เราก็เลยได้รับโรคหัวใจ โรคกระเพาะ โรคเหล่านี้เกิดจากการกระทำของเราเอง จากความพยายามอย่างเต็มที่



เพราะฉะนั้นเราควรกินอาหารแค่สามมื้อต่อวัน ไม่ควรมากกว่านี้ แม้แค่ลูกอมหนึ่งเม็ดก็ไม่ควร แต่ในระหว่างมื้อ เราสามารถดื่มน้ำผลไม้ได้สองครั้ง นั่นคือศักยภาพ หรือความสามารถที่ร่างกายภายในของเราจะแบกรับไว้ได้มากที่สุด



เมื่อปีที่แล้ว มีคนจากพัทลุงและสุราษฏร์ธานี เดินทางไปเยี่ยมที่ศูนย์นวชีวัน เพื่อสังเกตการเยียวยารักษาที่นั่น แล้วหลังจากนั้นก็ตั้งฉายาให้ผมว่า คุณหมอนักบิน เพราะผมเหาะไปด้วยรถยนต์ของตัวเองทุกวัน ใช้เวลา ๑๒๐ กม.ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดของรถผม และทุกปีจะต้องขับเป็นระยะทาง ๘๐.๐๐๐ กม. ทุกวันจะต้องไปให้การบรรยาย ๒-๓ ครั้ง มีร้านอาหารธรรมชาติสองแห่ง มีศูนย์บำบัดสองแห่ง พิมพ์นิตยสารด้วย ผมเป็นนักเคลื่อนไหวทางสังคม ต้องไปเข้าร่วมกิจกรรมไม่ว่าจากที่ไหนในรัฐเคราลาที่เชิญมา สี่ปีที่ผ่านมา ผมทำงานทุกวันติดต่อกันโดยที่ไม่พักเลย



รู้ไหมว่าเคล็ดลับของผมคืออะไร เคล็ดลับก็คือ ผมไม่เคยกินอาหารเกินสามมื้อ อาหารหลักคือผลไม้สองมื้อ อาหารปรุงสุกหนึ่งมือ ตอนเช้าเริ่มด้วยการดื่มน้ำมะพร้าว หรือน้ำผลไม้หนึ่งแก้ว แปดโมงทานผลไม้ มื้อเที่ยงกินข้าวกับผัก มื้อเย็นเป็นผลไม้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ร่างกายของเราสามารถทำงานติดต่อกันได้โดยไม่มีปัญหาอะไรด้วยอาหารเหล่านี้ ฉะนั้น เราควรลดปริมาณอาหารลง สำหรับคนทั่วไปสามารถทานอาหารปรุงสุกสองมื้อ อย่างน้อยผลไม้หนึ่งมื้อ ไม่ควรกินข้าวทั้งสามมื้อ อาหารที่ปรุงสุกไว้เกินสามชั่วโมง นั่นคือสารพิษ ไม่ควรกินต่อไป เราสามารถปรับได้คือกินข้าวในมื้อเย็น กินผลไม้ในมื้อกลางวัน มีคนเป็นพันๆคนนำผัก ผลไม้ไปทานที่ทำงาน แทนที่จะเป็นข้าวกล่อง หรือไม่มื้อเช้าเราก็สามารถกินข้าวได้ เราสามารถใช้วิธีเหล่านี้ปรับเปลี่ยนได้



เมื่อไรที่เรารู้สึกปวดหัว วิงเวียนศีรษะ มึนงง เราสามารถเยียวยาตัวเองได้ ด้วยการใช้น้ำราดศีรษะติดต่อกันห้านาที ก็จะจะสามารถบรรเทาอาการได้ สำหรับคนที่นอนไม่หลับ เวียนหัว ปวดหัวบ่อยๆ ก็ให้เอาน้ำราดหัวห้าครั้งต่อวัน และควรราดก่อนนอน



Q: คนเป็นโรคกระเพาะจะอดอาหารอย่างไร



A: ควรระมัดระวังในการอด ให้ทานผลไม้และผักสด มีข้าวหนึ่งมื้อ ถ้าสนใจอยากจะทำ ก็สามารถขอคำแนะนำจากผู้เข้าร่วมที่มีประสบการณ์ได้



Q: เมื่อไหร่หมอจะกลับมาอีก อยากไปเยี่ยมที่ศูนย์นวชีวัน ควรไปช่วงไหน สามีเป็นมะเร็งที่กระเพาะ ตัดออกสองในสามส่วนแล้ว เหลืออยู่หนึ่งส่วนสาม



A: คนที่สนใจจะไปที่ศูนย์ สามารถไปได้ตลอดเวลา สามารถแจ้งความประสงค์ได้ทางอีเมล ค่าใช้จ่ายที่ศูนย์ตกเดือนละ ๑๕.๐๐๐ บาท รวมค่าอาหารที่พัก นอกจากนี้ทางอาศรมฯ ก็จะจัดโปรแกรมไปเยี่ยมชม ศูนย์นวชีวัน และให้ผู้ป่วยไปรักษาที่นั่น จะจัดขึ้นในวันที่ ๓ กันยายนที่จะถึงนี้ เดือนตุลาคมนี้ผมก็จะกลับมาอีกครั้ง จัดคอร์สสามวันที่เรือนร้อยฉนำ วันที่ ๑๖ บรรยายหนึ่งวัน วันที่๑๗ บรรยายที่สวนสัญติชัยปราการ หลังจากนั้นจะจัดคอร์สอบรมสองสัปดาห์ที่อาศรมวงศ์สนิท จะเป็นคอร์สบำบัดผู้ป่วย ปีหน้าผมจะกลับมาอีกในเดือนมิถุนายน สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่คุณอ้อย คุณไหม



Q: เราสามารถรับประทานอาหารแบบผสมเนื้อสัตว์กับผลไม้ได้หรือไม่



A: ถ้าอยากมีสุขภาพที่ดีปนกับสุขภาพที่มี่ ก็ใช้ปนๆกันไปได้ เป็นอิสระที่เราสามารถเลือกด้วยตนเอง แต่อย่างไรก็ดี ค่อยๆเริ่มต้น ค่อยๆเปลี่ยน เพราะอาจจะรับไม่ไหว หรือทำได้ไม่นาน ให้ทดลองทำด้วยตนเอง และเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลง แล้วค่อยทำให้มากขึ้น



Q: ทำดีท็อก ดีหรือไม่



A: อย่าคิดว่าการทำดีท็อกเป็นทางออก หรือการแก้ปัญหาจากการกินอาหารแบบผิดๆ ของเรา ห้ามใช้กาแฟทำดีท็อก เป็นไปได้อย่างไรกันที่จะนำสารพิษไปทำดีท็อก ใช้แค่น้ำเปล่าก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปลงโทษลำไส้ใหญ่ของเรา ไม่ต้องใช้น้ำเกิน ๓๐๐ ซีซี



Q: หมอแผนปัจจุบันถ้าไตเสื่อมจะไม่สามารถกลับมาทำงานตามปกติได้อีกต่อไป ทางธรรมชาติบำบัดสามารถเยียวยาให้ไตกลับมาทำงานได้เหมือนเดิมหรือไม่



A:เราไม่กลัวผู้ป่วยโรคหัวใจ ทำไมเราจึงขอให้คุณสุพจน์เลิกยาทั้งหมด เราไม่กลัวโรคเบาหวานด้วย เราไม่กลัวผู้ป่วยโรคมะเร็งหรือเนื้องอก แต่เรากลัวโรคไต เป็นโรคที่รักษาได้ยากมาก ผู้ป่วยโรคไตทั้งหมดผมเคยรักษามา มีอาการเนื่องจากการใช้ยาสมัยใหม่ทั้งสิน ในอินเดียมีคนเป็นพันๆคนดูแลตัวเองด้วยศาสตร์ยุรเวช หรือแพทย์ทางเลือกอื่น ผมไม่พบว่าผู้ป่วยโรคไตมาจากการรักษาสุขภาพทางเลือกแบบนี้ ด้วยเหตุนี้ผมจึงร้องขอทุกคนว่าอย่าแตะต้องยาสมัยใหม่เลย เพราะมันอันตรายมาก ยาสมัยใหม่เป็นแค่เครื่องมือการค้าของบรรษัทข้ามชาติ บรรษัทขายยาเท่านั้น



ยาที่ใช้ในเมืองไทย อินเดีย หรือแอฟริกาก็ดี เป็นยาที่แตกต่างกันมากกับยาที่ใช้ในอเมริกา เพราะยาส่วนใหญ่ที่ใช้อยู่ทุกวันนี้เป็นยาที่เขาสั่งให้เลิกใช้แล้วในอเมริกา



Q: เด็กผู้หญิงอายุ ๑๒ ปี จะทานผลไม้เช้า-เย็น หนึ่งมื้อ เหมาะสมหรือไม่



A: สามารถทำได้ และเพียงพอต่อความต้องการของเด็กๆด้วย ส่วนใหญ่คนจะกลัวว่า ถ้าทานอย่างนี้แล้วจะเอาโปรตีนมาจากไหน จะต้องไปกินถั่วเหลือง อาหารเสริมโปรตีน ผมมีคำถามที่ทุกคนต้องตอบ ช้างไปเอาโปรตีนมาจากไหน ช้างแข็งแรงมาก มีสุขภาพดี ร่างกายของเรารู้ดีว่า จะแปรสิ่งที่เรากินเข้าไปเป็นสารอาหารที่เราต้องการ ร่างกายเรามีโรงงานผลิตขนาดใหญ่อยู่ในนั้น เราสามารถใช้ถั่วเพาะแทนได้ นั่นเป็นอาหารให้โปรตีนที่ผมสามารถแนะนำได้ เช่น ถั่วเขียวเพาะ ถั่วลิสงเพาะ แต่ไม่ควรทานเยอะ



Q:ตอนนี้ถ่ายท้องวันละสองครั้ง แต่ยังมีแก็สมาก เป็นเพราะอะไร



A: เหตุที่มีแก็สในกระเพาะเยอะก็เพาะเรากินศพเข้าไป ส่วนใหญ่เป็นอาหารจากตู้เก็บศพหรือจากตู้เย็นนั่นเอง ลองดูเราจะเจอแก็สเหล่านี้ได้จากที่ไหน ก็จากหลุมขยะ ท้องของเราในตอนนั้นก็ไม่ต่างจากหลุมขยะ หรือหลุมปุ๋ยหมัก เราควรให้ความระมัดระวังกับพฤติกรรมการกินของเรา เมื่อเรากินอะไรเข้าไป ก่อนที่มันจะย่อยครบห้าชั่วโมง จะมีแก็สเกิดขึ้นจากอาหารเหล่านั้น



Q:ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งที่กระดูก จะมีคำแนะนำอย่างไรกับการอดอาหาร



A:ไม่มีความแตกต่างในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งไม่ว่าในส่วนใดๆของเร่างกาย เพราะคือมะเร็งเหมือนกัน ผมแนะนำให้ใช้น้ำข้าวสาลีจากต้นกล้าข้าวสาลีที่เพาะมาแล้วเจ็ดวัน นำมาคั้นแล้วดื่มน้ำ ดื่มติดต่อกันสามเดือน ในระหว่างนั้นให้ดื่มน้ำมะพร้าว น้ำผลไม้หรือน้ำเปล่า ไม่กินอย่างอื่นอีกเลย อาบแดดก่อนเก้าโมงเช้าและสี่โมงเย็นทุกวัน และรายงานความคืบหน้าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น



Q:เวลาฝึกโยคะแล้วมีลมออกจะทำอย่างไร



A: การมีแก็สในท้องก็เกิดจากอาหารที่เรากินเข้าไปนั่นเอง



Q:ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดื่มปัสสาวะ



A: ปัสสาวะคือน้ำเสียที่ร่างกายขับออกมา ถ้ามันสามารถรักษาได้ ทำไมเราไม่กินอุจจาระของเราบ้าง ไม่จำเป็น ร่างกายเรารู้ดีว่าจะเยียวยาตัวเองอย่างไร โดยไม่ต้องอาศัยสิ่งเหล่านี้ การเยียวยาร่างกายเป็นเรื่องง่ายมาก เพราะร่างกายเรารู้อยู่แล้ว เป็นงานที่ง่ายที่สุดในโลกนี้ ร่างกกายเราทำงานเยียวยาตัวเองตลอดเวลา เป็นระบบที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ส่วนใหญ่โรคที่เราคิดว่าเป็นความเจ็บป่วย จริงๆมันไม่ใช่โรค มันเป็นกระบวนการชำระล้างพิษแบบพิเศษของร่างกายต่างหาก เช่น ผื่นแพ้ตามผิวหนังคืออะไร นั่นคือการที่ร่างกายพยายามขับสารพิษที่เป็นอันตรายร้ายแรงอกมาโดยไม่ต้องผ่านอวัยวะภายใน ไม่ทำลายไตของเรา ต้องขอบคุณร่างกายของเราที่สร้างอาการผื่นแพ้ออกมา อย่าเอายาอะไรไปทาทับไว้ เพื่อระงับอาการ



Q:คนที่มีธาตุเหล็กสูงจะทำอย่างไร



A: อาการที่มีธาตุเหล็กสูงหรือสารต่างๆในร่างกายไม่สมดุล ส่วนใหญ่เป็นผลที่เกิดจากการใช้ยาสมัยใหม่ ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ผู้ที่ตั้งคำถามนี้กำลังใช้ยาอะไรอยู่ ตามปกติแล้วถ้าไม่ใช้ยา ไม่มีทางที่จะเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นมาได้ เขาบอกว่าไม่ได้ใช้ยาอะไร แล้วก่อนหน้านี้ล่ะใช้ยาอะไรหรือเปล่า เขาก็บอกว่าใช้แอนตี้แอ็กซิแดนซ์ ผมแนะนะให้ดูผลจากการใช้ยาตัวนี้ สำหรับปัญหานี้ มีการใช้ผักเยียวยาได้



Q:นอนไม่หลับ จะทำอย่างไร



A:ปัญหาเกี่ยวกับการนอนทั้งหมด เกี่ยวกับอุณหภูมิความร้อนสูงเกินไป ตรงนี้ผมสามารถอธิบายได้อย่างหนึ่ง ก็คือหนึ่งชีวิตของรา คนๆ หนึ่ง ไม่ได้มีชีวิตเดียวเหมือนหลอดไฟดวงเดียว ไม่ใช่อย่างนั้น ชีวิตของเราประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ล้านๆ ชนิดมาประกอบกันเข้า ชีวิตของเราต้องพึ่งพาเซลเม็ดเลือดแดง ถ้าหากเซลเม็ดเลือดแดงในตัวเราลดปริมาณลง จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเรา เราจะมีอาการเพลีย มึนงง และถ้ามันลดต่ำลงไปกว่านั้นอีก อาจถึงแก่ชีวิตได้



แล้วลองดูไมคอบในท้องของเรา เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ถ้ามันลดปริมาณลง เราไม่สามารย่อยอาหารได้เราจะค่อยๆตายไปอย่างช้าๆ ยกตัวอย่างกระแสเลือดของเรา เป็นที่อยู่อาศัยของเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด มีสิ่งมีชีวิตล้านๆ ตัวอาศัยอยู่ ถ้าร่างกายของเราสะอาดบริสุทธิ์ สิ่งมีชีวิตเล็กๆเหล่านั้นก็จะสามารถดำรงชีวิตอย่างสงบสุข แลถ้าหากเลือดของเราเต็มไปด้วยมลพิษ จากอาหารที่เป็นกรดสูง หรือมลพิษจากยากปฏิชีวนะ แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในร่างวกกายของเราก็จะได้รับความทุกข์ทรมานไปด้วย เราก็จะนอนไม่หลับ เราจะไม่สามารถนั่งนิ่งๆ อย่างสงบได้ เราไม่สามารถจดจ่อหรือมีสมาธิได้ เวลาเราไปหาหมอ เพื่อให้หมอวินิจฉัยโรค ก็จะบอกว่าไม่เห็นมีปัญหาอะไร แต่จริงๆ การวินิจฉัยโรคของแพทย์สมัยใหม่ เป็นเรื่องที่ตลกมาก เพราะไม่สามารถบ่งชี้ว่าเรามีเซลมะเร็งเติบโตอยู่ภายในตัว คือจะบอกได้ก็ต่อเมื่อ มันเกิดเป็นมะเร็งขึ้นแล้ว ฉะนั้นการวินิจฉัยโรคของแพทย์สมัยใหม่เป็นเรื่องที่ไร้สาระ



การที่เราจะป่วยเป็นโรคมะเร็งได้ ไม่ใช่แค่ชั่วข้ามคืน หรือในเวลาสั้นๆ มันต้องใช้เวลาอย่างน้อย ห้าถึงสิบปี ก่อนที่เซลมะเร็งจะพัฒนาเติบโตได้ในร่างกายของเรา เครื่องมือแพทย์สมัยใหม่ไม่สามารถระบุได้ว่า ในระหว่าง ห้าถึงสิบปีมันกำลังก่อ อย่าไปพึ่งพาเครื่องมือแพทย์สมัยใหม่เหล่านั้น ถ้าเรามีปัญหาอะไรก็ตามเกิดขึ้นในร่างกายของเรา เราจะได้รับสัญญาณ หรือคำเตือนจากร่างกายของเรา เช่น การนอนไม่หลับ อาการเหล่านี้บ่งชี้ว่าร่างกายของเราไม่ปกติแล้ว มันอาจจะมีโรคกระเพาะเกิดขึ้น หรือเลือดของเรามีความเป็นกรดสูงเกินไป ซึ่งอาการเหล่านี้จะก่อให้เกิดมะเร็ง ในเวลายี่สิบปีผ่านไป เราอาจเบื่ออาหาร นั่นคือคำเตือนจากร่างงกาย เราเริ่มมีอาการปวดท้อง โรคกระเพาะ โรคหัวใจ หรือโรคมะเร็งตามมา นั่นคือสัญญาณที่ร่างกายกำลังเตือนเรา



ฉะนั้นอย่าไปใช้ยาสมัยใหม่มาแก้ปัญหาต่างๆเหล่านี้ เมื่อไรก็ตามที่เรามีอาการปวดตามเนื้อตัว นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร เหล่านี้คือสัญญาณที่ร่างกายส่งมาเตือนเราว่าร่างกายของเรากำลังมีปัญหาบางอย่าง เมื่อเราอ่อนเพลีย นั่นคือร่างกายกำลังส่งสารอะไรกับเรา ร่างกายกำลังบอกว่า ขอให้ฉันได้พักหน่อยนะ เพื่อฉันจะได้ซ่อมแซมเยียวยาอะไรบางอย่าง



ความสุขในชีวิตคนเรา มันไม่ได้หมายถึงความสุขของเราเพียงคนเดียว แต่มันหมายถึงความสุขของเกล็ดเม็ดเลือดแดง ไมคอบ สเปิร์ม และไข่ที่อยู่ในรังไข่ของเราด้วย



การกินยาปฏิชีวนะเข้าไปเพียงเม็ดเดียวเราสามารถทำลายสิ่งมีชีวิต คือเซลเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง เซลเป็นล้านๆเซล เกล็ดเลือด ไมคอบ สเปิร์ม และก็ไข่ นี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมผมจึงบอกว่าอย่าแตะต้องยาสมัยใหม่



Q: ชาวบ้านที่ทุ่งใหญ่ฯ กาญจนบุรี ได้รับสารตะกั่วที่มาจากเหมืองตะกั่ว ไหลไปตามแม่น้ำลำธาร คน ปลา ป่วยกันหมด พอไปหาหมอๆ ไม่ยอมรับว่าป่วยเพราะสารตะกั่ว แต่บอกว่าเป็นโรคไต ในกรณีอย่างนี้จะรักษาด้วยธรรมชาติบำบัดได้อย่างไร



A:ในกรณรีอย่างนี้ต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับสารที่ปนเปื้อนด้วยว่ามันให้ผลกกระทบข้างเคียงอย่างไรบ้างกับร่างกาย โดยทั่วไปแล้วสารตะกั่ว เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะก่อให้เกิดคราบที่ฟัน กระดูกอ่อนแอและเป็นไตวาย



Q:เด็ก หรือผู้ใหญ่มีไข้ควรทำอย่างไร ไม่กล้ารักษาตัวเอง ไปหาหมอทุกครั้งที่มีอาการ



A: ถ้าเราระงับอาการไข้ด้วยยาใดๆก็ตาม มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่มะเร็งเม็ดเลือดได้ ถ้าเป็นไข้มากกว่าแปดครั้งและใช้ยาหยุดอาการทุกครั้ง มีความเสี่ยงสูงที่มะเร็งเม็ดเลือดจะ เกิดขึ้นได้

เปิ้ล:จะเล่าให้ฟังเกี่ยวกบเรื่องน้องเล็ก ที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือด อายุเก้าขวบ เป็นโรคลูคีเมีย ตั้งแต่อายุสามขวบ หมอถามแม่น้องเล็กว่าก่อนหน้านี้น้องเล็กมีอาการอะไรบ้าง แม่น้องเล็กก็เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่อายุประมาณสามขวบ น้องเล็กเป็นไข้หลายครั้งติดต่อกัน และทุกครั้งจะเข้ารพ. จนในที่สุด ๔-๕ ปี ไปตรวจพบเซลมะเร็งในเม็ดเลือด ก็คือป่วยเป็นโรคลูคีเมีย ก็ใช้การรักษาทุกชนิดด้วยแพทย์แผนใหม่ ครีโม ฉายแสง ซึ่งช่วยระงับอาการเป็นครั้งๆ จากนั้นก็กลับมาอีก ทำอย่างนี้ติดต่อกันมาหลายปี ตอนหลังน้องเล็กปวดกระดูกมาจนหาสาเหตุไม่ได้ พาไปรพ.ใหญ่แห่งหนึ่ง น้องเล็กมีอาการปวดท้องโดยไม่ทราบสาเหตุ สงสัยว่าเป็นไส้ติ่ง พอผ่าปรากฏว่าไส้ติ่งไม่เป็นอะไร



ในที่สุดแม่ทราบข่าวว่ามีการอบรมธรรมชาติบำบัดที่อาศรมวงศ์สนิทก็พาน้องเล็กมารักษา คุณหมอก็ให้กินผลไม้ น้ำผลไม้ติดต่อกัน น้องเล็กที่เพิ่งออกจากรพ.หลังจากผ่าตัดไส้ติ่งมาเจ็ดวัน หน้าตาซีดมาก หลังจากออยู่ในแคมป์ได้ ๑ สัปดาห์ ก็มีการเปลี่ยนแปลงให้เห็น น้องเล็กร่าเริงขึ้น อาการต่างๆที่เคยเกิดก็ไม่เกิด ปากที่เคยซีดก็เริ่มมีสีชมพู แก้มก็มีสีมากขึ้น คุณหมอให้แม่เฝ้าดูอาการทุกวัน พ่อ-แม่ก็บอกว่าน้องเล็กมีอาการดีขึ้นกว่าตอนที่อยู่รพ. จึงขอคำแนะนำว่าเมื่อกลับไปบ้านจะทำอย่างไรต่อ



กรณีอย่างนี้ธรรมชาติบำบัดช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่จะมากน้อยแค่ไหนต้องมาเจอคุณหมอ

เจคอบ:ในกรณีของเด็กที่ป่วยเป็นไข้ ให้เอาผ้าเปียกประคบบนหน้าผาก แต่ตอนเป็นใหม่ๆอย่างพิ่งทำ ไข้เป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายของเรา ผมแน่ใจว่าเด็กเป็นไข้เนื่องจากปัญหาท้องผูกหรือระบบหายใจ มีอุณหภูมิความร้อนในร่างกายสูงเกินไป มีเหงื่อออกตลอดเวลา



อีกกรณีหนึ่งคือ เด็กที่กินไข้มักจะชอบกินขอองหวาน น้ำตาลทรายขาวเข้าไป คนที่บอกว่าท้องไม่ผูกคือคนที่ตื่นขึ้นมาแล้วถ่ายเลย



Q:มีคำถามเกี่ยวกับคนที่มีปัญหากระดูกสันหลัง ผ่าตัดมาแล้วแต่ก็ยังมีปัญหาเจ็บอยู่ ควรจะทำอย่างไรดี



A:กรณีนี้ผมอยากให้ไปรักษาที่เคราลา หรือมาร่วมอบรมที่แคมป์ในครั้งต่อไป หรือหลังจากจบการบรรยาย ไปพบหมอเป็นการส่วนตัวเพื่อขอคำแนะนำ



Q:อายุ ๘๘ ปี รักษาด้วยธรรมชาติบำบัดได้หรือไม่ และจะหยุดกินยาควบคุมความดันและน้ำตาลได้หรือเปล่า



A:ไปดูนสพ.บางกอกโพสท์ฉบับวันนี้ ถ่ายรูปอาม่าอายุ ๗๘ ปีไว้ อาม่ากินยาติต่อกันมาหลายปี เป็นความดันและเบาหวานด้วย ก็สามารถรักษาให้หายได้โดยไม่ต้องกินยา ความดันและน้ำตาลก็ลดลงเป็นปกติ แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยเข้าอบรม อย่าเพิ่งวิ่งไปบ้านแล้วโยนถุงยาปู่ ย่า ตา ยายทิ้ง เพราะยาบางตัว ถ้าหยุดกะทันหัน จะมีผลจากการหยุดยา ต้องทำอย่างระมัดระวัง



Q:วิธีแก้ปวดประจำเดือน



A: (ตอบโดยผู้เข้าร่วมที่มีประสบการณณ์) หยุดกินอาหาร ประจำเดือนเป็นหนึ่งในช่องทางการขับพิษปกติ เมื่อมีอาการปวดหมายความว่า ร่างกายต้องการทำงานตรงนั้นอย่างเต็มที่ ฉะนั้น หยุดอาหารเพื่อร่างกายจำได้ทำหน้าที่ขับพิษออกทางประจำเดือน หลังจากอดอออาหารในวันแรก ให้ดื่มแต่น้ำมะพร้าว คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลง ร่างกายจะฟื้นฟูตัวเองดีมาก ในเดือนต่อไปอาการจะดีขึ้นเรื่อยๆ ให้ทำอย่างนี้เป็นประจำ



คนจีนจะเชื่อว่าน้ำมะพร้าวเป็นของเย็น ถ้าดื่มแล้วจะทำให้เลือดหยุด และอคติตรงนั้น จะทำให้คุณมีอาการอย่างนั้นจริงๆ ให้ดื่มเป็นปกติ ให้คุณเชื่อมั่น ในน้ำมะพรร้าวมีกลูโคสสูงมาก ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที คุณจะได้พลังงาน ลดอาการหิว และยังช่วยฟื้นฟู และขับพิษออกอย่างเต็มที่ ฉะนั้นจงวางใจว่าน้ำมะพร้าวไม่ใช่สิ่งต้องห้ามสำหรับคนมีรอบเดือน

เจคอบ: สำหรับวันแรกของการมีรอบเดือนให้ดื่มน้ำมะพร้าว หรือน้ำผลไม้เท่านั้น วันที่ ๒ ๓ ๔ กินผลไม้อย่างเดียว เป็นหลักการสำคัญมากสำหรับทุกคน สามเดือน รับรองว่าจะไม่มีอาการปวดท้องอีก ถ้ารู้สึกว่ารอบเดือนมามากกว่าปกติ อย่ากินยาเพื่อหยุด เพราะเป็นกระบวนการของร่างกายที่ขับเอาเนื้องอกหรือเซลที่มีพิษออกมา ถ้าเราใช้ยาหยุด ภายใน ๑๐ ปี มันจะพัฒนาเป็นมะเร็งหรือเนื้องอกได้ แต่ถ้าเราตัดมดลูกของเราออกไป ระบบหรือกลไกในร่างกกายของรา ก็จะถูกรบกวน มันจะนำไปสู่โรคลูมาตอย กระดูกกพรุน ปวดหลัง เบาหวาน ที่เป็นผลตามมา และรวมทั้งการผ่าตัดทำคลอดสองครั้ง หรือมากกว่าสองครั้ง อาการปวดเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน ยาคุมกำเนิดเป็นยาที่แย่มาก ทำให้เกิดภาวะโรคมะเร็งได้สูง



Q:คนเป็นความดันสูงทานยามาตลอด ๑ ปี เหนื่อยง่าย ตรวจหัวใจแล้วพบว่าไม่ปกติ ยังไปพบแพทย์อยู่ ทานยาลดน้ำหนักด้วย



A:ไม่ควรทานยาลดน้ำหนัก กินยารักษาความดันมาหนึ่งปี เป็นเวลาที่น้อยมาก สามารถรักษาให้หายได้ พยายามค่อยๆ ลดยาลงช้าๆ หนึ่งสัปดาห์ลดลงครึ่งหนึ่ง สัปดาห์ถัดไปลดลงอีกครึ่งของครรึ่ง กินผลไม้สองมื้อ อาหารปรุงสุกหนึ่งมื้อ เอาน้ำราดศีรษะหนึ่งครั้งต่อวัน ครั้งละห้านาที ทำดีท็อกน้ำเปล่าวันละหนึ่งครั้ง อาบแดดเช้า-เย็นครั้งล่ะครึ่งชั่วโมง ลองโทร.ไปหาเพื่อนที่เคยเข้าอบรมมาแล้ว จะให้คำแนะนำที่ดีกับเราได้ เราภูมิใจมาก เราจึงมีคำขวัญว่า “เข้ามาคุณเป็นคนไข้ กลับออกไปคุณเป็นหมอ”



Q:ทำดีท็อกทุกวันติดต่อกันเป็นเวลาแปดเดือน เป็นอะไรไหม



A:ถ้าเรายังไม่เปลี่ยนแปลงอาหาร การทำดีท็อกติดต่อกันเป็นเวลานานๆ อย่างนั้นไม่ดี ถึงไม่มีอันตรายมากแต่ไม่ดีต่อสุขภาพ



Q:ข้าวที่หุงสุกเกินสามชั่วโมง ห้ามรับประทานหรือเปล่า



A:อาหารทุกชนิดรวมทั้งข้าวที่หุงสุกสามชั่วโมงแล้วถือว่าเป้นพิษด้วยเช่นกัน



Q:การดื่มน้ำผลไม้ไม่กินกาก จะทำให้ท้องผูกหรือไม่



A: ไม้ต้องกังวล ร่างกายไม่ต้องการกาก ให้ดื่มน้ำผลไม้เข้าไป ร่างกายจะขับของเสียออกมาเอง ไม่กินน้ำตาลทรายขาว น้ำอัดลม แล้วดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น



Q:ผักควรกินแบบต้มหรือผักสด



A:กรุณากินผักสด เพราะผักสดมีพลังชีวิตอยู่ในนั้น ผักต้มเป็นอาหารที่ตายแล้ว



Q:น้ำผลไม้ใดที่ห้ามกิน



A:น้ำผลไม้กระป๋อง ,ทุเรียน



Q: คนที่ผ่าตัดสมองสองครั้ง ตอนนี้เป็นอัมพาต สมองยังใช้การได้ดี แต่ร่างกายขยับไม่ได้ พูดไม่ได้ จะทำอย่างไร



พี่จู:เรื่องของธรรมชาติบำบัดก็คือเรากินอาหารที่สะอาดเข้าไปชำระล้าง และอย่าไปสกัดกั้นของเสียออกมาจากร่างกาย ถ้าเราเข้าใจหลักโรคนี้ก็เกิดจากอาหารที่เรากินเข้าไป มันมีความเข้มข้นของไขมัน น้ำตาล โปรตีน หมอบอกว่า ร่างกายสามารถสร้างโปรตีนเองได้ ผัก ผลไม้ กินเข้าไปเพื่อชำระล้าง และเสริมสร้างพลังชีวิต ตัวเองก็มีปัญหา เคยประสบอุบัติเหตุ เส้นจะแข็ง ตื่นขึ้นมาคอหมุนไม่ได้ ก็ไม่ได้กินมังสวิรัติไม่ได้เข้ารักษาแบบธรรมชาติบำบัด กินยาพวกคลายเส้น เป็นยาหม้อสมุนไพรจีน แต่หลังจากที่มาเข้าคอร์ส กินผัก ผลไม้ เล่นโยคะปรากฏว่าร่างกายเปลี่ยนไป เส้นที่เคยแข็งก็ยืดหยุ่น และธรรมชาติบำบัดก็สอนเรื่องภาวะของใจ



เจคอบ:ขออบคุณสำหรับคำตอบที่ยอดเยี่ยมมาก



Q: หลังกระบวนการล้างพิษครบสามขั้นตอนแล้ว อาหารที่ควรกินคืออะไร



A:อาหารที่ควรกินคือ ผลไม้สองมื้อ ข้าวหนึ่งมื้อเป็นอาหารที่ดีที่สุด

ข้อความด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งของข้อเขียนโดยชื่อมีนาสรุปสาระการบรรยายของหมอเจคอบเรื่องการใช้ชีวิตตามแนวธรรมชาติบำบัดปี2550
อ่านฉบับเต็มคลิกด้านล่าง
http://www.bloggang.com/viewfb.php?id=minieii&month=26-10-2007&group=12&gblog=3

อย่าพันผ้าเปียกทันที หลังรับประทานอาหาร ควรเว้นไว้ 2 ชั่วโมง แต่ถ้าฉุกเฉินก็ทำได้ 

ร่างกายมีเลือด 5 - 6 ลิตร
ทางธรรมชาติบำบัด ไม่ต้องการให้ทำการตรวจเลือด
แต่ให้ใช้ความรุ้สึกว่า อาการต่างๆ ของเราเป็นอย่างไร เรามีความรู้สึกอย่างไร
หากไม่รู้สึกว่า อะไรผิดปกติ เราก็ไม่ป่วย

ให้พิจารณาดูว่า เลือดของเราบริสุทธิ์แค่ไหน ด้วยการเปรียบเทียบ ว่า
เซลส์ของเราเป็นปลาในตู้ปลา

หากน้ำเน่า ปลาก็อยู่ไม่ได้ หากไม่มีอากาศเติมเข้าไปในน้ำ ปลาก็ตาย
หากอาหารที่ใส่ลงไปในตู้ปลา เป็นพิษ ปลาก็ตายเช่นกัน.....

การสังเกตภายนอกอีกอย่างหนึ่ง ให้สังเกตผิวหนัง ตามปกติเซลส์ผิวหนังจะมีอายุ 30 วัน
หากเห็นผิวแห้งเป็นขุยขาวๆ แสดงให้เห็นถึงการตายของเซลล์ที่มากผิดปกติ
เป็นคนที่สุขภาพไม่ดี กิน หายใจ ดื่มน้ำ ที่ไม่เหมาะสม......



ข้อความด้านล่างอ่านฉบับเต็มที่นี่
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=minieii&group=12 
อาหารสำหรับคนไม่ป่วย ทางธรรมชาติบำบัดคือ
- ตื่นขึ้นมา ดื่มน้ำมะพร้าวอ่อน ที่เพิ่งเฉาะใหม่ๆ ดื่มจากลูกมะพร้าว 1 ลูก 
(เนื้อมะพร้าว เก็บไว้ทำอาหาร)
- มื้อเช้า กินผลไม้ อะไรก็ได้ 1-2 ชนิด ถ้ารสชาติไปทางหวานก็หวานทางเดียว 
ถ้ารสชาติไปทางเปรี้ยวก็เปรี้ยวในมื้อนั้น
- มื้อกลางวัน กินข้าวกล้อง (ถ้าเป็นเบาหวาน กินข้าวนิดหน่อยพอ) และยำผักสด 
หรือ กับข้าวที่ไม่ใช้น้ำมัน
- ตอนบ่าย 4 โมง ช่วงท้องว่าง ดื่มน้ำมะพร้าว หรือน้ำผลไม้คั้นสด
- มื้อเย็น กินผลไม้ อีกมื้อหนึ่ง


สำหรับคนที่ป่วย
- ให้กินผลไม้เป็นอาหาร 3 มื้อ 
- ถ้าน้ำตาลในเลือดสูง อาจจะมีผักสดยำรสไม่จัด สลับบ้างในบางมื้อ 
- จากนั้น ให้สังเกตุอาการตัวเอง และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

การกินผลไม้เป็นอาหารหลัก ตอนแรกน้ำตาลอาจจะสูงขึ้นบ้าง
แต่ไม่มีผลต่อสุขภาพ เพราะเป็นน้ำตาลที่ได้จากผลไม้สด 
ซึ่งไม่ผ่านขบวนการใดๆ (พวกผลไม้กระป๋อง กินไม่ได้นะคะ)
แต่ยังไงถ้าน้ำตาลในเลือดสูงมากๆ อยู่แล้ว 
จะเลือกกินแต่ผลไม้ที่ไม่หวานจัด อาจจะสบายใจกว่า...



คุณอู่กินยา 40 เม็ด หมอนัดผ่าตัดสมอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น