วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560

เบคกิ้งโซดา ผงฟู โซเดียมคาร์บอเนต ยีสต์ อิมัลซิไฟเออร์ sp





เบกกิ้งโซดา:ขัดเตาแก๊สสะอาด


ผงฟูกับเบกกิ้งโซดา



ผงฟู่คือะไร
https://youtu.be/ce4XBjWAo7Y


ใส่หรือไม่ใส่อิมัลซิไฟเออร์ใช้ในเค้กดี
ไม่สามารถตอบแทนทุกคนได้ คงแล้วแต่วัตถุประสงค์ในการอบเค้กด้วย ใครที่ทำขายก็ไม่อยากทำเค้กแล้วเสีย อยากประหยัดเวลา ประหยัดต้นทุนแถมได้เค้กเนื้อนุ่มแบบที่ลูกค้าต้องการด้วย ดังนั้นใครใคร่ใส่ใส่ ใครไม่ชอบไม่ต้องใส่ เพราะจริงๆแล้วมีสูตรเค้กมากมายที่ไม่ใส่สารเสริมแต่ก็นุ่มอร่อย แต่ใครที่จะใส่ ใส่ตามสูตรกำหนดไว้ดีกว่าไม่ต้องกระหน่ำเติมแถม 😉
 วัตถุเจือปนอาหาร ถ้าจำเป็นต้องใช้ ใช้ให้น้อยไว้ดีที่สุดดีกว่า มันอาจจะช่วยเสริมคุณภาพเค้ก แต่มันไม่เสริมสุขภาพเราแน่ๆ
Emulsifierและsp เป็น วัตถุเจือปนอาหาร ทั้งคู่
วัตถุเจือปนอาหาร หมายถึง “วัตถุที่ตามปกติมิได้ใช้เป็นอาหารหรือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของอาหาร ไม่ว่าวัตถุนั้นจะมีคุณค่าทางอาหารหรือไม่ก็ตามแต่ใช้เจือปนในอาหารเพื่อประโยชน์ในทางเทคโนโลยีในการผลิต การบรรจุ การเก็บรักษา หรือการขนส่งซึ่งมีผลต่อคุณภาพหรือมาตรฐานหรือลักษณะของอาหาร และให้หมายความรวมถึงวัตถุเจือปนอาหาร แต่ใช้รวมอยู่กับอาหารเพื่อประโยชน์ดังกล่าวข้างต้นด้วย” (ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 84 (พ.ศ. 2527) และประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 119 (พ.ศ. 2532)


    เบคกิ้งโซดา Baking soda คือ โซเดียมไบคาร์บอเนต (NaHCO3) เพียวๆครับ อาจผสมทำขนมได้ แต่ต้องใส่กรดเข้าไปอีกเพื่อทำปฏิกิริยาให้เกิดฟองก๊าซ เช่น ครีมออฟทาร์ทาร์ น้ำมะนาว น้ำส้ม ฯลฯ

    ผงฟู (Baking powder) จะเป็นส่วนผสมของเบคกิ้งโซดากับกรดที่เป็นของแข็ง เช่น ครีมออฟทาร์ทาร์ (cream of tartar) เวลาผสมกับส่วนผสมและนำไปอบก็จะทำปฏิกิริยากันเกิดฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้เนื้อขนมขึ้นฟูมีรูพรุน เค็กมักจะใช้

    โซเดียมคาร์บอเนต (Soda ash, Na2CO3) ไม่ค่อยนำมาทำขนมเท่าเบคกิ้งโซดา มักใช้ปรับค่าความเป็นกรด-ด่าง ใช้ในงานอุตสาหกรรมซะเยอะครับ

    ยีสต์ เป็นรา สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวชนิดหนึ่งครับ เวลายีสต์กินน้ำตาลเข้าไปก็จะให้คาร์บอนไดออกไซด์และแอลกอฮอลครับ เรามักใช้ยีสต์กับขนมปัง เพื่อให้ยีสต์หมักน้ำตาลและเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำให้เนื้อขนมปังขึ้นฟู เป็นโพรง แต่ต้องให้เวลาในการหมักแป้งเพื่อให้ยีสต์ทำงานนานกว่าผงฟูที่ไม่ต้องการเวลาในการหมักแป้ง และการหมักต้องทำก่อนอบ ส่วนผงฟูจะเกิดปฏิกิริยาขณะกำลังอบขนมอยู่

    แป้งสาลีมีหลายเกรดครับ จะแบ่งตามปริมาณของโปรตีนที่อยู่ในแป้ง แป้งขนมปังเป็นแป้งที่มีโปตีนสูงที่สุด รองลงมาคือแป้งอเนกประสงค์ สุดท้ายคือแป้งเค้ก ซึ่งมีโปรตีนน้อยที่สุด โปรตีนในแป้งสาลีทำขนมปัง (กลูเตน) จะทำให้โดมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น ไม่ยุบตัวง่าย ขนมที่ไม่ทำเป็นโดก็ไม่ต้องมีโปรตีนสูงมากก็ได้อย่างคุกกี้ ขนมเค้ก

    แป้งเค้กเอาไปทำปาท่องโก๋ไม่ค่อยดีครับ เพราะโปรตีนน้อยไปครับ ถ้าจะทำก็อาจจะเป็นแป้งอเนกประสงค์ หรือแป้งขนมปัง หรือบางทีเขาเอาทั้งสองชนิดมาผสมกันครับ หรือไม่ก็ซื้อแป้งสำหรับทำปาทองโก๋โดยเฉพาะก็มีขาย

วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2560

กินไข่














คนญี่ปุ่นกินไข่ดิบ เพราะไข่ญี่ปุ่นมีวิธีเลี้ยงต่างจากไทย สามีแม่แหม่มมาไทย เขาไม่กินไข่ดิบที่ขายตามตลาด
https://youtu.be/nKklRFx4al0



********************************************************************

เรื่อง ไข่เก่า-ไข่ใหม่ ก็มีผลกับรสชาติและสารอาหารเช่นกัน 

คุณนิดดาพูดถึงการทดสอบ ความสดของไข่ไก่ ให้ฟังว่า ให้แช่ไข่ไก่ลงในน้ำ ไข่ยิ่งใหม่จะนอนขนานกับก้นภาชนะ ถ้าเป็น ‘ไข่เก่า’ หรือไข่ที่เก็บมาหลายวันแล้ว ไข่จะเริ่มดีดตัวขึ้นจากก้นภาชนะ เพราะอากาศซึมเข้าไปในไข่จากเปลือกที่มีรูพรุน ไข่เก่าก็ทำ ‘ไข่ออนเซน’ ได้ แต่จะไม่อร่อย และไข่ยิ่งเก่ายิ่งมีกลิ่นคาว

“มีฟาร์มที่ขายไข่ใหม่ให้คนญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ไข่อายุ 1 วันขายฟองละ 28 บาท ไข่อายุ 5 วัน ลดลงเหลือ 25 บาท จนอายุหนึ่งก็ขายให้คนไทยกินเป็นไข่โหล”
คุณนิดดากล่าวด้วยว่า เธอเป็นมังสวิรัติ แต่ก็ส่งเสริมให้กินไข่ เพราะเป็นสารอาหารโปรตีนที่มาจากเนื้อสัตว์ที่ให้คุณค่ากับร่างกายสูงมากๆ พร้อมกับให้ข้อมูลอีกด้านของ ไข่ไก่ กับความเชื่อเรื่อง คอเลสเตอรอล ไว้ว่า

"ร่างกายเราต้องการคอเลสเตอรอลเพื่อสร้างฮอร์โมน แต่เราไปกินคอเลสเตอรอลท่วมท้นจากตัวอื่นที่เป็นปัญหา ตับเราต้องสร้างคอเลสเตอรอล ถ้าไม่สร้าง เราไม่มีชีวิตอยู่ได้นะ เพราะคอเลสเตอรอลเป็นส่วนประกอบของเซลล์ทุกตัว เป็นตัวประกอบของสมอง ที่สำคัญเป็นตัวสร้างฮอร์โมนทุกชนิดของร่างกาย ตับสร้างคอเลสเตอรอล 80% ที่ใช้ในร่างกาย แค่เพียง 20% ที่มาจากอาหาร ไตรกลีเซอไรด์ป้าเคยสามร้อยกว่า(มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร) ขณะที่เขากำหนดให้อยู่ที่ 150, คอเลสเตอรอลทะลุ 280 (มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร) แต่เราก็ยังรู้สึกปกติสุขดี ก็ต้องถามพฤติกรรมของเราแล้ว ไม่ออกกำลังกาย นั่งอยู่กับที่ แก้ไขโดยออกกำลังกาย เล่นโยคะ ทำแล้วมันก็ลง อย่าไปกินยา พระพุทธเจ้าสอนให้แก้ที่เหตุ กินยาปุ๊บมันเก็บคอเลสเตอรอลออกจากเลือดจริง แต่ส่งไปที่ตับ กิน(ยา)ไปกินมาเป็นไขมันพอกตับ เพราะไขมันต้องกำจัดผ่านตับโดยส่งไปให้ท่อน้ำดี เหตุแห่งโรคอยู่ที่ปากเรา แล้วปากเราไม่แก้ไข ตับจะทำงานไหวไหม" 
************(*********************************************************

ไม่ควรกินไข่ในคนที่เป็นผดผื่นคัน เพราะไข่เป็นสาเหตุของความคัน
ที่มา บ้านอาศรม ศูนย์ถ่ายทอดบำบัดบวมน้ำเหลือง

ไข่ควรกินตอนท้องว่าง

่ให้ประโยชน์มากมายต่อร่างกายเมื่อบริโภค ขณะท้องว่าง ไข่ทำให้รู้สึกอิ่มนาน เมื่อ่กินไข่ตอนเช้าปริมาณแคลอรี่ทั้งหมดที่บริโภคในวันหนึ่งลดลงและไข่ยังช่วยในการลดไขมัน

https://brightside.me/inspiration-health/20-foods-to-eat-and-avoid-on-an-empty-stomach-253710/?utm_source=fb_brightside&utm_medium=fb_organic&utm_campaign=fb_gr_5mincrafts

http://www.lifehack.org/488728/10-foods-to-eat-and-avoid-on-an-empty-stomach-for-better-digestive-health

https://brightside.me/inspiration-health/20-foods-to-eat-and-avoid-on-an-empty-stomach-253710/?utm_source=fb_brightside&utm_medium=fb_organic&utm_campaign=fb_gr_5mincrafts


กินไข่ได้วันละ1ฟอง ได้ประโยชน์จากสารอาหาร ดูรายละเอียดที่นี่

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1431896576896835&id=483593508393818

“ส่วนตัวผมแนะนำให้กินไข่ เพราะไข่จะช่วยในการเจริญเติบโต ฉะนั้นสารอาหารในไข่จึงมีครบเกือบหมด” นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา อดีตนายกแพทยสภา 
https://www.thairath.co.th/content/1000455


“ไข่” กินวันละกี่ฟองถึงจะดี
จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลคำแนะนำของคณะกรรมการด้านโภชนาการ ของสหรัฐอเมริกายกเลิก สารคอเลสเตอรอลไม่ได้เป็นอันตรายต่อประชากรของสหรัฐ อเมริกาอีกต่อไป” ซึ่งต่อมามีการตีความถึงขั้นว่าจากนี้ไปสามารถรับประทานไข่ได้มากถึงวันละ 5-6 ฟอง จนเกิดข้อสงสัย และกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ตามแต่ประสบการณ์ของแต่ละคน

“ไข่” จัดเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง และคุณภาพดีกว่าโปรตีนจากแหล่งอื่นๆ อย่างเนื้อปลา เนื้อหมู ถั่ว แถมยังมีสารอาหารที่อุดมสมบูรณ์ เช่น วิตามินดี วิตามินเอ แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี และธาตุเหล็ก ที่หาได้ยากจากอาหารประเภท อื่นๆ นอกจากนี้ยังมี “เรซิติน” และ “โคลีน” ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเซลล์สมอง ช่วยพัฒนาสมอง ช่วยให้ปลายประสาทมีความเชื่อมโยง และเติบโตได้เต็มศักยภาพ ซึ่งมีประโยชน์สำหรับการเรียนหนังสือ และทำงานมาก อย่างไรก็ตามในไข่ก็มีคอเลสเตอรอลสูงด้วยเช่นเดียวกัน

แต่ “ไข่” ไม่ได้เป็นสาเหตุของปัญหาคอเลสเตอรอลเกินในคน โดยจากรายงานของประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าสาเหตุที่ทำให้คนเรามีภาวะคอเลสเตอรอลสูงนั้น เป็นเพราะ (1).เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง (2).รับประทานอาหารที่มีรสหวานมาก (3).อาหารที่มีแป้งเยอะ คาร์โบไฮเดรตสูง (4).รับประทานผักน้อย และ (5).ไม่ออกกำลังกาย เป็นต้น

ปริมาณการกินไข่ที่เหมาะสมสำหรับคนไทย ในเด็กอายุ 6 เดือน ไปจนถึงเป็นผู้สูงอายุที่สุขภาพปกติควรรับประทานไข่อย่างน้อยวันละ 1 ฟอง ในเด็กอาจจะรับประทานได้ถึงวันละ 2 ฟอง แต่ถ้ามีปัญหาคอเลสเตอรอลสูง ไขมันสูง ความดันอยู่แล้ว อาจจะรับประทานตามหมอสั่งสัปดาห์ละ 2-3 ฟอง ร่วมกับการออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพประจำปี หรือถ้าเป็นนักกีฬาที่ต้องการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อจะรับประทานวันละ 3-4 ฟองก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรตรวจร่างกายก่อน
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10155978676212028&id=172425057027

กินไข่ดียังไง
หากคุณกินไข่วันละ 2 ครั้งร่างกายของคุณจะได้รับสารอาหารเพียงพอ การขาดโคลีนทำให้ความจำลดลง

การวิจัยใหม่แสดงให้เห็นว่าคอเลสเตอรอลจากไข่จะมีความสมดุลกับ phosphatides ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเรา นอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งการผลิตคอเลสเตอรอลของร่างกายด้วย นอกจากนี้ไข่ยังมีกรดโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

phospholipids ที่มีอยู่ในไข่ไก่ช่วยในการขจัดสารพิษออกจากตับ


พ.ศ2560

ไข่ไก่สำหรับอาหารเช้าคุณจะลดน้ำหนักลงเป็นสองเท่า อาหารเช้าแบบนี้จะช่วยคุณได้เป็นเวลานานทำให้คุณสามารถลดปริมาณอาหารที่บริโภคได้ในแต่ละวัน

โคลีนซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสมองยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง จากผลการ  ศึกษาพบว่าผู้หญิงที่ทานอาหารทุกวันในวัยรุ่นรวมถึงไข่ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมลดลง 18%


การวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชาวเนเธอร์แลนด์ ใน 87% ของผู้หญิงอายุ 35 ถึง 40 ปีจุดด่างอายุหายไปและผิวหนังยกขึ้น ในผู้ชายรอยย่นรอบดวงตาเรียบเห็นได้ชัด


https://brightside.me/inspiration-health/9-things-that-will-happen-to-your-body-if-you-start-eating-2-eggs-a-day-340510/?utm_source=fb_brightside&utm_medium=fb_organic&utm_campaign=fb_gr_5mincrafts

ไข่ของแม่ไก่อารมณ์ดี ไก่ย่ำดิน และเลี้ยงด้วยสารธรรมชาติอินทรีย์ทั้งหมด เช่นข้าวโพดที่ปลอดสารเร่งฮอร์โมน เพราะฉะนั้นไข่ไก่จะเล็ก แต่ไข่จะหอมและเป็นไข่ใหม่ 

นิดดา หงษ์วิวัฒน์
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/692246



เปลี่ยนวิธีกิน พิชิตโรคร้าย ความดัน เบาหวาน มะเร็ง คอเรสเตอรอล ฯลฯ ไม่ต้องรักษาด้วยยา นพ บุญชัย


https://youtu.be/kOglwM81Z5c

เริ่มดูที่ 18.13 เราควรกินไข่ทั้งฟองอย่าไปคัดไข่แดงทิ้ง มีข้อแนะนำอย่างนั้นเพราะว่าคนกลัวคลอเรสตอรอลในเลือดเยอะ คลอเรสตอรอลตัวเองสูงอยู่แล้ว ก็เลยงดกินไข่...ร่างกายเราสร้างคลอเรสตอรอลเอง  ไม่ต้องกินไข่มันก็สร้างเอง สร้างจากตับ จากสมอง จากลำไส้ มันสร้างได้เยอะแยะเลย อันตรายของคลอเรสตอรอล มันไม่อยู่ที่ตัวมัน มันอยู่ที่ไขมันที่มันไปจับคู่ มันไปจับคู่กับตัวดี(HDL) กลับดี มันจะไปล้างเส้นเลือดเราให้สะอาด  แต่ถ้าคลอเรสตอรอลตัวเดียวกันไปจับคู่กับตัวร้าย(LDL) มันก็จะมาอุดตันเส้นเลือด  ความผิดไม่ได้อยู่ที่มันจับคู่ไม่ดี แต่อยู่ที่เราใช้ชีวิตผิดไม่อยู่กับธรรมชาติ




ที่มา http://youtu.be/JDTOxryTkjQ


กินไก่และไข่ไก่อันตรายจริง ทำไมยังขายได้ ก็คงเหมือนผงชูรสที่ยังขายได้นั่นแหละ จากเนื้อหาข้างล่างเรื่องไก่ฟาร์มมีอันตรายชัด ส่วนไข่ฉายแสง ไม่ต้องรู้ความจริงแต่ดูรูปคนที่กินไก่แล้วเป็นโรคเก้าท์ คงตอบตัวเองได้ไม่ต้องลังเลสงสัย




ลาก่อนไข่ยางมะตูม จากไลน์

 คนส่วนใหญ่จึงชอบรับประทานไข่แบบสุกๆ ดิบๆ มากกว่า เพราะมันยังคงมีน้ำเยิ้มๆ ของไข่แดง เพิ่มความอร่อยให้กับอาหารมื้อนั้นขึ้นไปอีก จริงไหมล่ะคะ? แต่คุณรู้บ้างหรือเปล่าว่าพฤติกรรมการทาน ไข่สุกๆ ดิบๆ นั้น ส่งผลร้ายต่อสุขภาพร่างกายคุณอย่างไรบ้าง!

เนื่องจากที่มาของไข่นั้น มาจากต่างที่กัน คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามันมีความสะอาดมากพอแล้ว โรงเลี้ยงไก่อาจยังไม่สะอาด หรือมีระบบระบายอากาศที่ไม่ดีพอ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ  Salmonella ส่งผลให้คุณอาจปวดท้อง จนอาหารเป็นพิษ หรือเกิดโรคระบบทางเดินอาหารได้ในที่สุด เพราะฉะนั้นควรปรุงไข่ให้สุกก่อนทุกครั้งก่อนรับประทาน


ไข่
ไข่ต้ม ไข่เค็ม ไข่พะโล้ โดยเฉพาะไข่แดง หากกินวันละ 2 ฟอง
จะช่วยลดน้ำตาลในเลือด (ลดเบาหวาน) เนื่องจากไข่แดงมีซิลิเนียม
งานวิจัยของฮาวาร์ด พบว่าหากบริโภคไข่วันละ 3 ฟอง (อายุต่ำกว่า 45 ปี) ; บริโภควันละ 2 ฟอง (อายุ 45 ปี – 50 ปี) และบริโภควันละ 1 ฟอง (อายุเกิน 50 ปี)
ไข่ต้ม 1 ฟอง มีสรรพคุณสูงกว่านม 5 กล่อง
   ไกร มาศพิมล         (นักโภชนาการบำบัด)
http://youtu.be/TkreU-jK-EU

เลี่ยง...ไข่ดิบ เน้น...ไข่สุก
ไข่ เป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพสูง หาได้ง่าย และเหมาะสมสำหรับทุกเพศ ทุกวัย เป็นแหล่งของแร่ธาตุและวิตามินอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 บี 6 วิตามินอี โฟเลต เลซิธิน ลูทีน ซีแซนทีนและโคลีนที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย

ปริมาณไข่ที่แนะนำให้บริโภค เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือน ให้เริ่มที่ไข่แดง ต้มสุก วันละครึ่ง ถึง 1 ฟอง เด็กอายุ 7 เดือนขึ้นไปกินไข่ต้มสุกวันละครึ่งถึง 1 ฟอง และเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปถึงวัยสูงอายุกินไข่ต้มสุกได้วันละฟอง ส่วนผู้ป่วยเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง กินไข่ได้ 3 ฟองต่อสัปดาห์หรือตามคำแนะนำของแพทย์ ที่สำคัญต้องดูแลการบริโภคอาหารอย่างอื่นร่วมด้วย โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งผู้บริโภคควรกินไข่ควบคู่กับอาหารที่หลากหลายในแต่ละมื้อ โดยให้มีอาหารประเภทข้าว-แป้ง ธัญพืช เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ครบทั้ง 5 หมู่ ในสัดส่วนปริมาณที่เหมาะสม เพื่อคุณค่าทางโภชนาการและสารอาหารที่ครบถ้วน โดยเฉพาะผักและผลไม้สดจะช่วยในการกักเก็บน้ำตาลและคอเลสเตอรอล จึงช่วยลดการดูดซึม

ควรเลี่ยงการกินไข่ดิบ เพราะถ้าไข่ไม่สุกอาจปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ และไข่ขาวที่ไม่สุกจะขัดขวางการดูดซึมไบโอตินซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งในลำไส้ ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมวิตามินบีชนิดนั้นไปใช้ประโยชน์ได้ จึงได้รับประโยชน์ไม่เต็มที่ และ ควรกินในรูปแบบไข่ต้ม ไข่ตุ๋น ไข่พะโล้ จะมีปริมาณไขมันน้อยกว่าไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ลูกเขย หรืออาจกินเป็นสลัดไข่ ยำไข่ เพราะจะทำให้ได้สารอาหารที่มีประโยชน์จากไข่ และได้ใยอาหารและวิตามินซีจากผักและผลไม้ ส่วนอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงคือ ขนมปังไข่ดาวใส่เบคอนหรือไส้กรอก เพราะจะได้รับปริมาณไขมันสูงมากจากเบคอน น้ำมันที่ใช้ทอด และเนยที่ทาขนมปัง

สำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องฟันที่ไม่สามารถทานอาหารโปรตีนอื่นได้ แนะนำให้ให้กินไข่เป็นแหล่งของโปรตีน กรณีที่พ่อแม่ต้องการให้เด็กได้กินผักควบคู่กับไข่นั้น ควรใช้วิธีการประกอบอาหารที่มีการใส่ผักลงไปในไข่เพื่อเป็นการจูงใจให้เด็กกินผักได้อีกทางหนึ่งเช่น ไข่เจียวหรือไข่ตุ๋นใส่ผักสับละเอียด โดยจะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายแก่เด็ก

(เครดิตข้อมูล : กรมอนามัย)
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10156144934377028&id=172425057027








 เฉาก๋วยที่แจ้งว่าไม่มีวัตถุกันเสีย
มีกลุ่มตัวอย่างที่แจ้งว่า “ไม่มีวัตถุกันเสีย” บนฉลากแต่จากผลทดสอบพบว่า มีการปนเปื้อน ได้แก่
1.ยี่ห้อ นายอุ๋ย เฉาก๊วยโบราณ ผลทดสอบพบ เบนโซอิก น้อยกว่า 1.50 มก./กก.
2.ยี่ห้อ เมจิกฟาร์ม ดีเซิ้ดทคัพ ขนมเยลลี่คาราจีแนน ผสมบุกผง ถั่วแดงและน้ำเฉาก๊วย 15% ผลทดสอบพบ เบนโซอิก 6.53 มก./กก. และพบซอร์บิก 3.74 มก./กก.
3.ยี่ห้อ เฉาก๊วยดอนเมือง (แบบถัง) ผลทดสอบพบ เบนโซอิก 68.85 มก./กก.
4.ยี่ห้อ เฉาก๊วยดอนเมือง (แบบถุง) ผลทดสอบพบ เบนโซอิก 79.41 มก./กก.

ฉลาดซื้อแนะนำ
1.เฉาก๊วย ชนิดที่จำหน่ายในภาชนะบรรจุ นอกจากจะมีมาตรฐานที่ควบคุมโดยกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ยังมีมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่ออกโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เป็นมาตรฐานแบบสมัครใจที่ช่วยทั้งยกระดับคุณภาพของผู้ผลิตสินค้า และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์

2.มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) เฉาก๊วย จะดูเรื่องการบรรจุ ภารชนะบรรจุที่สะอาด แห้ง ปิดสนิท สามารถป้องกันการปนเปื้อนจากสิ่งสกปรกภายนอกได้ นอกจากนี้ยังดูเรื่องของการแสดงเครื่องหมายและฉลากบนบรรจุภัณฑ์ ต้องมีข้อมูล คือ
-ชื่อเรียกผลิตภัณฑ์ เช่น เฉาก๊วย วุ้นดำ เฉาก๊วยหวาน
-ส่วนประกอบที่สำคัญ
-น้ำหนักสุทธิ
-วัน เดือน ปีที่ผลิต และวัน เดือน ปีที่หมดอายุ หรือข้อความว่า “ควรบริโภคก่อน (วัน เดือน ปี)”
-ข้อแนะนำในการบริโภคและการเก็บรักษา เช่น ควรเก็บไว้ในตู้เย็น
-ชื่อสถานที่ผลิต พร้อมสถานที่ตั้ง หรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในกรณีที่ใช้ภาษาต่างประเทศ ต้องมีความหมายตรงกับภาษาไทยที่กำหนดไว้ข้างต้น

https://www.chaladsue.com/article/2648/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-198-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99-%E2%80%9C%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E2%80%9D

วันจันทร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2560

ขิง : ยาอายุวัฒนะ




ขิงสดช่วยแก้ไขอาการปวดเข่า

ข้อหัวเข่าเสื่อมักพบในคนน้ำหนักมาก เมื่อกระดูกลั่นดังกร็อบแกร็บ เราจะรู้สึกปวดเข่า

ถ้าลดนน.4.5-4.9 กก. จะลดความเสี่ยงข้อเข่าเสื่อมได้ถึงครึ่งหนึ่ง

กินขิงสดวันละ 1 ชช.ช่วยลดอาการปวดเข่าและข้อเข่าเสื่อม เพราะขิงมีสารจากธรรมชาติต้านการอักเสบ

ที่มา สารคดีDr.OZ ตอนแก้นิสัยแย่ๆ เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ ชม“
https://youtu.be/3C72Q5TFCMY
หลวงปู่ติดทีวีดิจิตอลดูรายการนี้

******

ขิง : ยาอายุวัฒนะ
ขงจื๊อ ปราชญ์จีน ได้เสนอว่า "อาหารทุกมื้อไม่ควรละเลยขิง" ท่านเชื่อว่าบรรดาผักต่างๆ ขิงมีคุณค่ามากที่สุด สามารถทำให้มีชีวิตชีวา สรรพคุณของขิงมีมากมาย อาทิ ขจัดของเสียในร่างกาย มีฤทธิ์ยับยั้งกรดในกระเพาะอาหาร แก้อาเจียน แก้ไอ ขับเสมหะ กระตุ้นการทำงานของหัวใจ ทำให้เลือดไหลเวียนดี ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หลับสนิทดี ป้องกันและรักษาตับอักเสบ มีสารต้านมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระ แก้ปวดข้อ ปวดเข่า แก้ปัญหาท้องผูก จุกเสียดแน่น ฯลฯ

ตำรับยา
การประยุกต์ใช้ทางคลินิก
1. แก้ปวดข้อ ปวดเข่า ใช้น้ำคั้นจากเหง้าสด ผสมกาวหนังวัว เคี่ยวให้ข้น นำไป พอกบริเวณที่ปวด หรือใช้เหง้าสดย่างไปตำผสมน้ำมัน มะพร้าวใช้ทาบริเวณที่ปวด
2. บรรเทาอาการแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น ต้มขิงสดที่ตำให้ละเอียดกับน้ำ 300 มิลลิลิตร นาน 30 นาที กินวันละ 3 เวลา เป็นเวลา 2 วัน
3. รักษาโรคบิด ใช้ขิงสด 75 กรัม น้ำตาลแดงตำเข้าด้วยกัน แบ่งกินเป็น 3 มื้อต่อตำรับ
4. ป้องกันรักษาอาการเมารถ เมาเรือ ใช้ขิงสด 25 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาเฉพาะน้ำดื่ม (ไม่ต้องดื่มน้ำตาม)
5. รักษาลำไส้อุดกั้นจากพยาธิตัวกลม ใช้ขิงสด 120 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาน้ำขิงผสมกับน้ำผึ้ง 120 กรัม กินครั้งเดียว หรือค่อยๆ กินหมดภายในครึ่งชั่วโมง
6. เป็นหวัดตัวร้อนเป็นไข้เนื่อง จากกระทบความเย็น เช่น โดนฝน โดนลม ทำให้หนาว มีไข้ต่ำๆ ให้หั่นขิงฝอย 30 กรัม ชงกับน้ำตาลทรายแดง หรืออาจใส่หัวหอมทุบ 3-4 หัว (ช่วยกระจายลม) ดื่มขณะร้อนๆ แล้วห่มผ้าให้เหงื่อออก
7. ฟื้นฟูร่างกายภายหลังคลอดบุตร นิยมให้หญิงหลังคลอดกินไก่ผัดขิง ช่วยทำให้การย่อยดูดซึมอาหารดีขึ้น มีการขับระบายของเสียน้ำตกค้าง น้ำคาวปลาได้ดีขึ้น ทำให้ร่างกายกลับสู่ภาวะปกติเร็วขึ้น
8. แก้หวัด แก้ไอ ใช้เหง้าขิงสดอายุ 11-12 เดือน ขนาดเท่าหัวแม่มือ หนักประมาณ 5 กรัม ทุบให้แตก  แล้วต้มเอาน้ำมาดื่ม ถ้ามีอาการไอร่วมด้วยก็อาจผสมน้ำผึ้งในน้ำขิง  หรืออาจเหยาะเกลือลงในน้ำขิงเล็กน้อยหากมีอาการไอร่วมกับเสมหะ เกลือจะทำให้ระคายคอและขับเสมหะที่ติดในลำคอออกมา จิบน้ำขิง  บ่อยๆ แทนน้ำ รับรองอาการหวัดหายเป็นปลิดทิ้ง
9. แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ จุก เสียดแน่น แก้ปวดท้อง นำขิง 30 กรัม ชงกับน้ำเดือด 500 มิลลิลิตร แช่ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง ดื่มครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ (60 มิลลิลิตร)
10. แก้คลื่นไส้ อาเจียน ใช้ขิงสด 30 กรัมสับให้ละเอียด  ต้มดื่มขณะท้องว่าง
11. แก้ปวดประจำเดือน ใช้ขิงแห้ง 30 กรัม น้ำตาลอ้อย (หรือน้ำตาลทรายแดง) 30 กรัม ต้มน้ำดื่ม
12. เด็กเป็นหวัดเย็น เอาขิงสดและรากฝอยต้นหอมตำรวมกัน เอาผ้าห่อคั้นเอา แต่น้ำทาที่คอ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หน้าอก และหลังของเด็ก
13. ผมร่วงหัวล้าน ใช้เหง้าสด นำไปผิงไฟให้อุ่น ตำพอกบริเวณที่ผมร่วง วันละ 2 ครั้ง สัก 3 วัน ถ้าเห็นว่า ดีขึ้นอาจจะใช้พอกต่อไปจน กว่าผมจะขึ้น

** สมุนไพรใกล้ตัว มุ่งเสนอสรรพคุณทางยา การนำไปใช้ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน

 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10155783757972028&id=172425057027