************
(144) ภาวนาเป็นหนทางหนึ่งในการฝึกจิตให้ผ่อนคลาย
ช่วยให้ควาดันเลือดลดลง...
ม.แคลิฟฟอร์เนียวิจัยพบว่าการภาวนาส่งผลต่อสมองที่เกี่ยวข้องกับความกลัว ความวิตกกังวล ความประหลาดใจ...เอื้อให้จิตใจสงบ
ไม่สูญเสียความสุขุมเยือกเย็น...
(145)ภาวนาเพื่อแสวงหาความสงบสุขภายใน หรือความรู้แจ้งทางจิตวิญญาณ
(146) สัจจะชนะทุกสิ่ง...
มรรคมีองค์8 ขั้นแรก ขัดเกลาให้สุจริตด้วยศีล5...
ใช้จิตที่เป็นสมาธิไปพิจารณา ให้เกิดปัญญา...
ห้ามใช้สิ่งเร้า เน็ต โทรศัพท์ พูดคุย...
ทำกิจที่จำเป็นจริงๆคือกิน เดิน นอน ซักล้าง ภาวนา...
ภาวนาเป็นการเอาจิตไปกำหนดรู้ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ...เช่น เสียง เทียน...
ความชรา ...
หลับตา กำหนดรู้การหายใจเข้าออกผ่านช่องจมูก...
หายใจช้าลงให้ผ่อนคลาย...มุ่งจิตไปที่สัมผัสอ่อนเบาของลมหายใจใต้จมูก...ความคิดสะเปะสะปะจะประดังเข้ามา...
(147) อย่าไปบีบเค้นมัน ...
ถ้ารู้สึกเครียด ให้เดินจงกรมข้างนอกนั้น ในสวน เหมือนโรงพยาบาลพักฟื้นผู้ป่วย...
จะมีสติ รู้ตัวมากขึ้น ใจร้อนรีบเร่งน้อยลง...
(149) ความสงบจากการภาวนาในที่สันโดษ (=ที่ปราศจากฝูงชน)
มาใช้ในโลกแห่งความเป็นจริงได้...
ภาวนาช่วยสร้างรากฐานแข็งแกร่งแห่งความสงบ ให้ฝ่าคลื่นลมแห่งโลกของการโฆษณาได้...
ภาวนาเป็นศูนย์กลางที่กลับมาตักตวงความเข้มแข็งให้ตัวเองได้ตลอดเวลา ...เมื่อใช้เวลาตามลมหายใจ5-10นาที ใจกลับมาสงบเหมือนเดิม
(150) การภาวนาทำให้มีความสุข ...จากการสแกนสมองคนที่ปฏิบัติธรรมยาวนาน พบว่า สมองส่วนหน้าซีกซ้ายของพูหน้า ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ด้านดีนั้นว่องไวเป็นพิเศษ(=หลวงปู่เทศน์ไปหัวเราะได้ทุกเรื่อง)
ในทางสรีรวิทยาพบว่า คนพวกนี้ มีความสุขมากกว่า จากสมมติฐานว่า
ภาวนาเป็นประจำทำให้สมองซีกดังกล่าวได้รับการกระตุ้นตลอดเวลา
(151) ภาวนาเป็นประจำทำให้จิตใจมีความมั่นคงที่จะขจัดความคิดด้านมืด(=ป้าเพชรเล่นไพ่)
จิตใจที่สงบนิ่งเหมือนอิสรภาพ...
ใช้ชีวิตไป ในขณะเดียวกันเราเห็นภาพกว้างทั้งหมดด้วย ทำให้เราเบาสบายขึ้นและสุขมากขึ้น
กายจิตเชื่อมโยงกัน การวิจัยพบว่าภาวนาช่วยให้ร่างกายทำงานปกติ เป็นวิธีที่แพทย์แนะนำคนไข้มากขึ้นเรื่อยๆ ในการรักษาโรคหัวใจ มะเร็ง ความดัน ไมเกรน ซึมเศร้า...
(152)โยคะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง สร้างระบบภูมิคุ้มกัน ระบบเลือดหมุนเวียนดี เพิ่มความยืดหยุ่น
ควบคุมลมหายใจ เคลื่อนไหวช้าๆ อย่างลื่นไหลต่อเนื่องในท่าต่างๆ หรือเรัยกว่าอาสนะ...
อาลัยเชฟตุ๋ย เจ้าของร้านอาหารจิตรลดาในลอสแองเจลลิส
ตายอายุ66
https://youtu.be/ICOUgej1ToM
(2:36) ทุกคนที่มาอยู่อเมริกา ทำแต่งานทำมาหากิน จนหาเวลาพักผ่อนไม่ได้ อาจจะทำให้โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ทำให้ร่างกายอ่อนแอ อยากจะให้ทุกคนหาเวลาพักผ่อนให้เยอะๆ
ท้องผูก ริดสีดวงทวาร โดยป้านิดดา
https://youtu.be/-0tfdmHy9mw
คาโรชิ-คนที่ทำงานจนตาย
พฤติกรรมการทำงานที่ขาดสมดุลย์ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ชาวญี่ปุ่นมีคำอยู่คำหนึ่งคือ คาโรชิ หมายความว่า ตายคางาน ชื่อนี้มาจากชื่อของนายคาเมอิ ชูจิ นายหน้าค้าหุ้น ที่มีความอยากสูง เขามักทำงานวันละกว่า12ชม.เป็นประจำในสมัยตลาดหุ้นญี่ปุ่นกำลังบูมราวปลายทศวรรษ2523 บริษัทของเขาป่าวประกาศถึงความอึดเกินมนุษย์มนาในการทำงานของเขา ลงในจดหมายข่าวและเอกสารประกอบการฝึกอบรม ทำให้เขากลายเป็นมาตรฐานระดับทอง ที่ลูกจ้างทั้งหลายพึงเอาอย่าง
ชูจิได้รับโอกาสที่หาไม่ค่อยได้นักตามธรรมเนียมญี่ปุ่น ให้ไปฝึกอบรมผู้ร่วมงานอาวุโส ในเรื่องศิลปะการเป็นนักขาย ซึ่งสุมความเครียดลงบนบ่าของเขาเพิ่มอีก เมื่อฟองสบู่ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นแตกในปี2532 ชูจิทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม เพื่อกระตุ้นตลาดให้คึกคักขึ้น ในปี2533 เขาเสียชีวิตกะทันหันด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ด้วยวัยเพียง26ปี
. พฤติกรรมการทำงานที่ขาดสมดุลย์เช่นนี้ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้เหลือเวลาและพลังงานน้อยนิดสำหรับออกกำลังกาย มีโอกาสทำให้เราดื่มหนักขึ้น หรือกินอาหารสะดวกซื้อมากขึ้น...มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เป็นโรคอ้วน...
คนจำนวนไม่น้อยมองหาสารกระตุ้น...ที่ทำให้ตื่นตัวอย่างฉับพลัน และออกฤทธิ์ยาวนานตลอดเวลาการทำงาน...และเมื่อสร่างจากการเมายา ก็อาจส่งผลให้เกิดอาการซึมเศร้า กระวนกระวายใจ และมีพฤติกรรมที่รุนแรงได้
เหตุผลหนึ่งที่ต้องการสารกระตุ้นคือ คนจำนวนมากนอนหลับไม่เพียงพอ
การนอนหลับไม่เพียงพออาจทำลายระบบหลอดเลือดและภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ อาหารไม่ย่อย ขี้หงุดหงิด ซึมเศร้า การนอนน้อยกว่าคืนละ6ชม. อาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ของการเคลื่อนไหว การพูด ปฏิกิริยาตอบสนอง และการใช้ดุลยพินิจ
ความเหนื่อยล้ามีส่วนสำคัญในการก่อหายนภัยที่ร้ายแรง...ความง่วงก่อให้เกิดอุบัติเหตุ...การศึกษาของคณะกรรมการว่าด้วยความผิดปกติของการนอนหลับแห่งชาตสหรัฐอเมริกา พบว่าเป็นสาเหตุครึ่งหนึ่งของอุบัติเหตุบนท้องถนน...
แม้แต่การเล่นกีฬาและการออกกำลังกาย ที่หักโหมเกินไป เร็วเกินไป กะทันหันจนร่างกายรับไม่ไหว ไม่เว้นแม้แต่โยคะ ที่บอสตันครูคนหนึ่งใจร้อนไปจากบังคับให้เด็กทำท่าแยกขา จนเป็นเส้นตรงในท่านั่ง ทำให้เด็กกระดูกเชิงกรานหัก ชายอายุ30กว่าคนหนึ่งชาที่ต้นขาขวา เพราะเส้นประสาทรับความรู้สึกขาด ขณะเรียนโยคะ
คัดลอกจากCarlHonore.(2549).เร็วไม่ว่าช้าให้เป็น ศิลปะแห่งการใช้ชีวิตเนิบช้า. กรรณิการ์ พรมเสาร์(แปล).มูลนิธิเพื่ิอผู้บริโภค.หน้า18.