วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557

กินเต้าหู้ นมถั่วเหลือง งาขี้ม่อน เห็ด



เต้าหู้
เกร็ดความรู้จากหมอเขียวกินโปรตีน ไขมันตอนไหน
คนชอบกินเห็ดต้องอ่านให้จบ


******************************************************







เต้าหู้โมคิไม่ใส่สารกันบูด non gmo ขายที่โลตัส


ที่มาเกร็ดความรู้จากหมอเขียว

******************************************************

ถามหมอสันต์เรื่องนมถั่วเหลืองและเต้าหู้




30 กันยายน 2554


นมถั่วเหลืองและเต้าหู้

เรียน คุณหมอสันต์ ที่เคารพ

ผมได้อ่านบทความของคุณหมอท่านหนึ่ง ซึ่งแนะนำว่าไม่ให้ดื่มนมถั่วเหลืองและกินเต้าหู้ ผมตัดมาให้ดูบางตอนดังนี้นะครับ

“..อย่างคนที่น้ำย่อยเสียทั้งหลาย ถามไปเถอะ ดื่มนมถั่วเหลืองทุกคน เพราะถั่วเหลืองมีสารต้านน้ำย่อย ทำให้ท้องอืด น้ำย่อยเสีย คือน้ำย่อยน้อยลง เอ็นไซม์ที่จะย่อยอาหารจึงน้อยลง ถ้ากินนมถั่วเหลืองแล้วยังกินเต้าหู้อีก อันตรายแล้ว เพราะจะไปหยุดการสร้างน้ำย่อย แล้วมีฮอร์โมนผู้หญิง เป็นเหตุให้เกิดมะเร็งเต้านมได้ แล้วยังเป็นตัวการทำให้การทำงานของต่อมไทรอยด์ลดลง..”
ผมจึงอยากถามคุณหมอว่าน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองมีข้อดี-เสียอย่างไร ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย ใครควรหรือไม่ควรดื่มและอายุตัวมากน้อยเป็นปัจจัยเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า คนที่มีค่าน้ำตาลในเลือดสูง โรคหัวใจ ธัยรอยด์ ควรดื่ม ไหมครับ

.............................................................

ตอบครับ

1. ถั่วเหลืองย่อยไม่ได้ ทำให้ท้องอืด จริงหรือไม่ ตอบว่า “จริงบางส่วน” คือเรื่องเป็นอย่างนี้ครับ การย่อยโปรตีนไม่มีปัญหา แต่การย่อยคาร์โบไฮเดรตมีปัญหาบ้าง คือถั่วทุกชนิด รวมทั้งถั่วเหลืองด้วย มีคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งชื่อว่าโอลิโกแซคคาไรด์ (oligosaccharide) ซึ่งโมเลกุลของมันเป็นแบบสายโซ่ของน้ำตาลซึ่งภาษาเคมีเรียกว่า polysaccharide ชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยน้ำตาลประมาณ 2-10 โมเลกุลมาต่อกัน ตัวโอลิโกแซคคาไรด์นี้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารของคนย่อยมันไม่ได้เลย ต้องรอให้แบคทีเรียเช่น Bifidobacteria และ lactobacilli ซึ่งมีอยู่เป็นปกติในลำไส้อยู่แล้วมาช่วยย่อยแทน วิธีการย่อยของบักเตรีก็คือวิธีหมัก (fermentation) ซึ่งทำเกิดแก้สขึ้นในลำไส้ ทำให้ท้องอืดและมีลมปุ๋งปั๋งได้ง่าย นั่นเป็นที่มาของคำพูดของเด็กนักเรียนสมัยก่อนที่ว่า

“ถั่วทุกเม็ดมีสิทธิ์ออกเสียงได้”

ลำไส้ของแต่ละคนก็มีบักเตรีที่ช่วยหมักมากน้อยต่างกัน ทำให้บางคนกินถั่วแล้วสบายมาก แต่บางคนกินแล้วท้องอืด ข้อดีของการหมักโดยบักเตรีในลำไส้ก็คือ (1) ทำให้ร่างกายได้วิตามินบี1 บี2 บี6 บี12 และกรดโฟลิก ซึ่งเรามีโอกาสได้รับตรงจากอาหารน้อย (2) นอกจากนี้การเลี้ยงบักเตรีพวกจอมหมักไว้ในลำไส้มันยังช่วยย่อยสลายโคเลสเตอรอลและป้องกันการดูดซึมโคเลสเตอรอลเข้าสู่กระแสเลือดเป็นการช่วยลดไขมันในเลือดได้ (3) ทำให้ท้องไม่ผูก เพราะการหมักมีการดึงน้ำไว้ในลำไส้ คนญี่ปุ่นซึ่งนิยมกินถั่วเป็นอาหารหลักมีบักเตรีช่วยหมักทั้งสองตระกูลนี้ขายเป็นแคปซูลชื่อ Inforan เมืองไทยก็มีคนเอามาขาย

2. ถั่วเหลืองมีฮอร์โมนผู้หญิงทำให้เป็นมะเร็งเต้านมจริงหรือไม่ ตอบว่า “ไม่จริง” เป็นเพียงการเอาข้อมูลวิทยาศาสตร์สองท่อนมาต่อกันแล้วตีบาลีเป็นบรรทัดเดียวแบบศรีธนญชัย ซึ่งไม่ใช่วิธีการใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง

ข้อมูลท่อนที่ 1. คือ “ถั่วเหลืองมีสาร phytoestrogen ซึ่งออกฤทธิ์แบบฮอร์โมนเพศหญิงจริง”

ข้อมูลท่อนที่ 2. คือ “เอสโตรเจนในรูปของฮอร์โมนเป็นยาเม็ดที่กินเสริมทุกวัน (เช่นในการคุมกำเนิดหรือในการให้ทดแทนหลังหมดประจำเดือน) หากกินนานเกิน 20 ปีขึ้นไปจะทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมากขึ้น”

ข้อมูลทั้งสองท่อนนี้เป็นคนละเรื่องซึ่งในทางวิทยาศาสตร์จะเอามาต่อกันเป็นเรื่องเดียวกันไม่ได้

ถ้าจะตั้งคำถามว่า “กินถั่วเหลืองแล้วจะเป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้นหรือไม่” คำตอบก็คือ “ไม่” เพราะจนถึงปัจจุบันนี้ไม่มีหลักฐานใดๆบ่งบอกว่ากินถั่วเหลืองแล้วจะเป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้น ทั้งๆที่มีข้อมูลเชิงระบาดวิทยาของคนกินถั่วเหลืองมากมายทั้งในจีนและญี่ปุ่น แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าทำให้เป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้น

3. ถั่วเหลืองทำให้เป็นไฮโปไทรอยด์จริงหรือไม่ ตอบว่า “ไม่จริง” เรื่องนี้มีอยู่แง่มุมเดียว คือคนเป็นไฮโปไทรอยด์มักได้รับการรักษาโดยการให้กินฮอร์โมนไทรอยด์เป็นเม็ด หากกินยานี้พร้อมกับถั่วเหลือง ถั่วเหลืองจะขัดขวางการดูดซึมฮอร์โมนไทรอยด์ นอกจากถั่วเหลืองแล้วยังมีอาหารอื่นเช่น อาหารที่มีกาก หรือมีธาตุเหล็ก หรือมีแคลเซียมสูง ก็ขัดขวางการดูดซึมฮอร์โมนไทรอยด์เช่นกัน จึงควรกินยานี้ตอนท้องว่างจะดีที่สุด ไม่มีหลักฐานใดๆบ่งชี้ว่าคนเป็นไฮโปไทรอยด์ที่กินยาตอนท้องว่าง จะได้รับผลเสียอื่นใดจากการกินถั่วเหลือง แปลไทยให้เป็นไทยว่าคนเป็นไฮโปไทรอยด์กินถั่วเหลืองได้ครับ

4. ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย ใครควรหรือไม่ควรดื่มนมถั่วเหลือง ตอบว่าดื่มได้ทั้งคู่แหละครับ ไม่มีเหตุให้ดื่มได้เฉพาะเพศใดเพศหนึ่ง

5. อายุตัวมากน้อยเป็นปัจจัยเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า ตอบว่าอาจมีผลบ้าง กล่าวคือในคนอายุมาก ปริมาณบักเตรีที่ช่วยย่อยอาหารในลำไส้ด้วยวิธีหมักจะลดจำนวนลง ทำให้วิตามินบี 12 ที่ได้จากอาหารพวกถั่วลดลง จนอาจจะไม่พอหากเป็นผู้ทานอาหารแบบมังสวิรัติ ซึ่งคนเป็นมังสะวิรัติอาจแก้ได้ด้วยการทานวิตามินบี.12 เสริมเมื่ออายุมากขึ้น

6. คนเป็นเบาหวานทานนมถั่วเหลืองได้ไหม ตอบว่าได้สิครับ พวกนักโภชนบำบัดเอาถั่วเหลืองเป็นอาหารรักษาเบาหวานด้วยซ้ำไป เพราะงานวิจัยให้คนกินน้ำตาลพร้อมกับถั่วเหลืองพบว่าร่างกายจะดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลงกว่าเมื่อกินพร้อมกับอาหารอื่นที่ไม่ใช่ถั่วเหลือง ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานได้รับน้ำตาลส่วนเกินจากอาหารน้อยลง

7. คนเป็นโรคหัวใจขาดเลือดทานน้ำเต้าหู้ได้ไหม ตอบว่าได้สิครับ ถั่วเหลืองดีต่อคนเป็นโรคหัวใจขาดเลือดในสองประเด็นคือ

7.1 ไขมันในถั่วเหลืองเป็นไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งงานวิจัยในกลุ่มคนจำนวนมากของฮาร์วาร์ดที่ได้ติดตามนานถึง 12 ปีพบว่าคนที่ทานไขมันไม่อิ่มตัวมีอัตราเป็นโรคหัวใจต่ำกว่าคนที่ทานไขมันอิ่มตัว

7.2 ถั่วเหลืองมีกรดอามิโนชนิดไกลซีนและอาร์จินีนสูง ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ระดับอินสุลินในเลือดต่ำลง อันส่งผลต่อไปให้การผลิตโคเลสเตอรอลในร่างกายลดลงด้วย ต่างจากเนื้อสัตว์ซึ่งมีกรดอามิโนชนิดไลซีนสูงซึ่งมีผลเพิ่มระดับโคเลสเตอรอลในร่างกาย ทำให้โปรตีนจากถั่วเหลืองเอื้อต่อการป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด

โดยสรุป หมอคนอื่นเขาจะแนะนำว่าอย่างไรก็ช่างเขาเถอะ แต่ผมแนะนำตามหลักฐานวิทยาศาสตร์ที่มีถึงวันนี้ว่าถั่วเหลืองเป็นของดี คำแนะนำโภชนาการล่าสุดของรัฐบาลอเมริกัน (USDA 2010) จัดให้ถั่วเหลืองอยู่ในกลุ่มของอาหารอุดมคุณค่าทีทุกคนควรบริโภคมากขึ้น เป็นแหล่งโปรตีนราคาถูก มีสารโพลี่แซคคาไรด์ที่ลดการดูดซึมน้ำตาล อีกทั้งการย่อยถั่วเหลืองโดยบักเตรีในลำไส้มีผลให้โคเลสเตอรอลถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดน้อยลง ไขมันในถั่วเหลืองเป็นไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งลดการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ตัวโปรตีนจากถั่วเหลืองเมื่อเข้าไปในกระแสเลือดแล้วยังมีผลลดการผลิตโคเลสเตอรอลทำให้ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจได้อีกทางหนึ่ง ดังนั้น ทุกคนไม่ว่าหญิงหรือชาย เด็กหรือผู้ใหญ่ คนดีหรือคนป่วย จึงควรดื่มนมถั่วเหลืองและทานเต้าหู้ ข้อเสียของถั่วเหลืองคืออาจทำให้เกิดแก้สในท้องและต้องผายลมบ่อย ซึ่งเป็นข้อเสียที่จิ๊บจ๊อยมากเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ได้

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

*****************************************************



งาขี้ม่อน

***************************************
เป็นพืชตระกูลเดียวกับโหระพาและใบกะเพรา ที่จริงแล้วงาขี้ม่อนเป็นอาหารที่นิยมรับประทานกันในแถบเอเชียเมื่อนานมาแล้ว และในส่วนทางภาคเหนือของประเทศไทย

1.งาขี้ม่อนเป็นธัญพืช มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง ช่วยบำรุงสมอง ทำให้สมองปลอดโปร่ง มีความรู้ความจำที่ดี นอกจากนั้นยังทำให้สารสื่อประสาททำงานอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
2. สรรพคุณงาขี้ม่อนอุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส  เช่นเด็กและผู้สูงอายุ อาจใช้วิธีผสมงาขี้ม่อนชนิดบดละเอียดลงไปในอาหารแต่ละมื้อ เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสไปใช้ซ่อมแซมกระดูกและฟัน ไม่ให้เปราะหรือแตกง่าย นอกจากนั้นยังช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกอ่อนในเด็กและโรคกระดูกพรุนในวัยสูงอายุอีกด้วย
3.  วิตามินบีในงาขี้ม่อนช่วยชะลอการเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย ที่มักจะเกิดกับผู้สูงอายุ บำรุงสมองไม่ให้สมองเสื่อมและลดอาการไมเกรน โดยโรคที่มักเกิดขึ้นกับผู้ที่ขาดวิตามินบีมีหลายโรคเช่น เหน็บชา ปากนกกระจอก และงูสวัด เป็นต้น
4.  งาขี้ม่อนสามารถยับยั้งการสร้างโปรตีน Cyclin D1 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดมะเร็งบางชนิดได้
5. ในหนังสือ ‘สมุนไพรลดไขมันในเลือด’ โดย เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝกได้หยิบยกการทดลองของการใช้งาขี้ม่อนในแต่ละประเทศทั้งในแถบเอเชียอย่างจีนและทางฝั่งของอเมริกาว่า...งาขี้ม่อนมีคุณสมบัติลดไขมันในเส้นเลือดได้ดี โดยได้มีการนำงาขี้ม่อนมาผ่านกระบวนการผลิตเป็นยาแคปซูลเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคไขมันในเลือดสูง พบว่าผู้ป่วยมีปริมาณไขมันลดลง น้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และยังช่วยเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้ป่วยอีกด้วย


ความเป็นพิษของงาม่อน

สาร Periila Ketone (อ่านว่า เพอริลล่าคีโตน) ในงาม่อนเป็นพิษต่อสัตว์บางชนิด เมื่อสัตว์ประเภทวัวควายกินใบหรือกิ่งต้นงาม่อนในปริมาณที่มากเกินไป จะทำให้เกิดอาการน้ำท่วมปวด
ในประเทศญี่ปุ่นและประเทศเกาหลี มีคนงานในอุตสาหกรรมงาม้อนมีอาการผิวหนังอักเสบ เพราะผิวหนังสัมผัสกับน้ำมันงาม้อนในปริมาณมากเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานของผลเสียของการใช้งาม้อนในมุมของยาสมุนไพรแต่อย่างใด

วิธีการล้าง ดังนี้ ...
1. นำเมล็ดงาใส่กระชอนตาถี่ ที่ตาข่ายเล็กกว่าเมล็กงา นะคะ
2. ล้างผ่านน้ำโดยลงในอ่าง คนเบาๆ  ... สังเกต จะเห็นเศษดินและทรายตกที่ก้นอ่าง

ใช้วิธีเอาโถใบใหญ่มาเปิดน้ำใส่แล้วก็เอางาขี้ม่อนใส่ลงไป เอาช้อนคนๆให้สิ่งสกปรก(ที่หนักกว่างาขี้ม่อน)ตกลงไปก้นโถ แล้วเอากระชอนหรือช้อนค่อยๆตักใส่ภาชนะอีกใบหนึ่ง ล้างแบบนี้2-3ครั้ง แล้วก็เอาไปคั่วในกระทะใช้ไฟอ่อนๆ จนแห้งไม่มีน้ำ สีงาขี้ม่อนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย (ต้องให้แห้งสนิทเลยนะคะ ไม่อย่างนั้นเวลาเก็บจะขึ้นราได้ค่ะ) แล้วก็เอาเก็บใส่กระปุกที่มีฝาปิดมิดชิดค่ะ


สะเด็ดน้ำ เอากลับไปคั่วไฟอ่อน จนไม่มีไอน้ำ
แล้วเอากลับมาปั่นๆๆๆ ผสมเกลือนิดหน่อย

เดี๋ยวค่อยแยกใส่ถุง เอาไปจ่ายแจกเพื่อนฝูง

แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 55 11:09:21

3. ล้าง 2-3 ครั้ง จนมั่นใจว่าสะอาด ปราศจากกรวดทรายแล้ว
4. พักให้สะเด็ดน้ำ และ แห้งพอหมาดๆ
5. นำไปคั่วในกระทะ ไฟอ่อนๆจนหอม ... สังเกต หากเมล็ดงาสุก จะมาเสียงดัง แป็กๆเสียงแตกของเมล็ดงาค่ะ
6. รีบตักขึ้นจากกระทะทันที หากใส่ไว้ในกระทะเช่นนั้น งาจะไหม้ได้เพราะความร้อนจากกระทะที่ยังมีอยู่
7. พักให้เย็นสนิท จึงจัดเก็บใส่ขวดปิดฝา เข้าตู้เย็นไว้ ใช้นะคะ
เมล็ดงาขี้ม้อนที่คั่วแล้ว ...
หากจะรับประทานก็นำมาบดก่อนนะคะ ร่างกายจะได้นำไปใช้ประโยชน์ได้ (ย่อยได้)
อาหารใส่งาขี้ม่อน
•กล้วยต้มคลุกมะพร้าวโรยงาขี้ม้อน ...ก็หอมเคี้ยวกรุบๆดี 


กระทู้รีวิว
วันนี้ รู้สึกเบื่อกับข้าวมื้อเย็นมาก คิดไม่ออกว่าจะกินอะไรดี
เดินไปหลังตู้เย็น เจอกับ "งาขี้ม้อน(จาเม็ดกลมสีน้ำตาลเทา)

จัดการเอามาร่อนสักหน่อย ...


จากนั้นเอาเทลงครก...ตามด้วยเกลือสักเล็กน้อย กะเอาค่ะ ..


ตำๆ ตำๆ และ ตำ  มันจะติดก้นครก ต้องเอาช้อนควักมันขึ้นมา ตำจนคิดว่ามันละเอียดแล้ว


จากนั้น ข้าวเหนียวนึ่งใหม่ๆ ร้อนๆ หอมๆ สัก 1 ปั้น เอาลงไปคลุกๆๆๆๆๆๆ


คลุกจนได้ที่ ... ตู๊มมมมมมมม  กลายมาเป็น

ข้าวหนุกงา ......

https://pantip.com/topic/31487446


************************
คนชอบกินเห็ดต้องอ่านให้จบ

คนปลูกเห็ดไม่กินเห็ด ?
คนขายเห็ดไม่กินเห็ด ?

เห็ดนานาชนิด ที่เรารู้จักและคนก็ชอบกิน เพราะรสชาติที่อร่อยกินง่าย และเรารู้แต่ประโยชน์ที่มีอยู่ในเห็ดมากมาย แต่เราไม่เคยรู้ถึง....ผลเสียของเห็ด

หมายเหตุ
เห็ดที่พูดถึงนั้นไม่ได้หมายถึง ทุกโรงเพาะเห็ดหรือเห็ดทั้งหมด  แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เห็ดชนิดใดที่ปลอดภัย จึงอยากให้ทุกโปรดใคร่ครวญพิจารณา

ยังไม่มีนักวิชาการคนใด พูดถึงผลเสียของเห็ด เราจะรู้กันแต่ประโยชน์ของเห็ด โดยเฉพาะถ้าเรากินเห็ด 3 ชนิดจะช่วยป้องกันมะเร็งและมีผลดีต่อสุขภาพ

แต่เราไม่เคยรู้ที่มาที่ไป  จากผลเสียที่ติดมากับเห็ดเลย จนมาวันนี้  ได้คุยกับคนขายเห็ดโดยเฉพาะเห็ดนางฟ้า

วันนี้เรื่องราวนี้ที่จะมาเล่า. คำพูดคือความจริงทุกคำ ถ้าทุกผู้อ่านช่วยส่งต่อเอาบุญ จะเป็นประโยชน์อย่างมาก  ขอให้ทุกคนที่ชอบกินเห็ด  ได้ป้องกันที่ตัวเรา  ว่าเราควรจะกินเห็ดต่อไปหรือจะเลิกกินเห็ด  จะได้ป้องกันตนเองจากโรคร้ายที่จะตามมาจากรูปแบบที่เราไม่คาดคิดไม่ถึง

จากการได้คุยเปิดใจ  กับคนขายเห็ดหรือคนเพาะเห็ดขาย
คุณมนัสมีอาชีพขายเห็ด ขายส่งต่อกับพ่อค้าแม่ค้าต่าง ๆ ทั่วประเทศ ทำมาจนเข้าปีที่ 20 สิ่งหนึ่งที่รู้ในใจคือ

จะไม่ให้ลูกและครอบครัวตัวเองกินเห็ดที่ขายเลย

จนกระทั่งผลที่สุด....ร่างกายตัวเองทรุด หมดเรี่ยวหมดแรง ทั้งที่ไม่มีโรคประจำตัว เป็นมาแบบนี้มาเป็นเดือน ๆ จนไปให้หมอตรวจร่างกาย หมอบอกว่าผลเชื้อมะแร็งในกระแสเลือด แต่หาจุดที่เป็นไม่เจอ

แต่ฟังจากหมอพูดว่า  มะแร็งถ้าเป็นระยะที่ 1 หรือที่ 2 คงไม่พบ นี่อาจจะเป็นระยะ 3 หรือ 4 แต่หมอก็ยังเช็คไม่ได้ว่าเป็นตรงใหน คุณมนัสก็กลับบ้านมาด้วยใจหดหู่หมดกำลังใจ แต่มีลูกที่น่ารักถึง 7 คน  มีภรรยาที่น่ารัก  แม่พ่อและญาติที่รักอีกหลายชีวิต ที่จะทำให้ต้องสู้กับโรคร้าย

จนกระทั่งคุณมนัสได้เปิดใจ เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนเลยคือ สาเหตุที่ทำให้เป็นมะแร็ง คือน่าจะมาจากสาเหตุ  จากการสูดดมสารในตัวเห็ดที่ตัวเองต้องทำขายทุกวันนั้นเอง  เราถามว่าทำไมถึงทำให้คิดอย่างนั้น คุณมนัสเลยเล่าให้ฟังว่า การปลูกเห็ดนางฟ้าหรือเห็ดเข็ม  จะต้องใช้ยาฆ่าหนอนหรือยาฆ่าแมลง และต้องใช้เป็นจำนวนมากทุกรอบ  ที่ต้องการผลผลิตที่มากและดี ต้องไม่ให้มีหนอนและแมลง

แล้วคุณมนัสไม้รู้หรือถึงได้เอามาขาย
คุณมนัสตอบรู้ครับ เลยไม่ให้คนในครอบครัวกินเลย รวมทั้งเพื่อนพ้องที่ตัวเองรักก็ไม่แนะนำให้กิน

เพื่อนบางคนถามผมว่า  ทำไมไม่เอาเห็ดมาฝากบ้าง ทั้งที่มีอาชีพขายส่งเห็ด  ในใจผมรู้แต่ไม่รู้จะตอบเพื่อนว่าไง แต่ไม่เคยเอาเห็ดนางฟ้าไปฝากใครเลย

จนมาวันนี้เหมือนกับว่า  สิ่งที่เจอจะเป็นเวรกรรมที่เราไม่ได้ตั้งใจหรือไม่  ที่มาทำให้เป็นมะแร็ง ทั้งที่ไม่ได้กินเห็ดนางฟ้า ครอบครัวก็ไม่เคยกินเห็ดนางฟ้าหรือเห็ดเลย แต่ส่งขายให้คนกินทั้งประเทศ เวรกรรมจะมาย้อนที่หรือไม่

จึงถามไปว่าทำไมถึงคิดอย่างนั้น คุณมนัสเล่าต่อว่า

ก่อนที่จะเป็นแบบนี้  เขาได้เห็นเจ้าของโรงเพาะเห็ด  ที่ส่งเห็ดมาให้เป็นประจำ  เป็นมะแร็งเต้านมและตัดเต้านมไปแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะหายหรือไม่  และลูกน้องที่ทำงานกับโรงเพาะเห็ด  ก็มีอาการเจ็บป่วยไปทีละคนสองคนอย่างต่อเนื่อง และทุกคนที่ทำงานโรงเพาะเห็ด  แต่ละคนมีใครสุขภาพไม่ดีกันเกือบทุกคน   คุณมนัสไม่ได้เพาะเห็ดเอง แต่ผมเป็นผู้รับมาจำหน่ายต่อ  ซึ่งล่าสุดก็มาพบเชื้อมะแร็งในกระแสเลือด

จากนั้นจึงตั้งคำถามไปว่า  เพราะอะไรที่ทำให้ทุกคนที่ทำงานตรงจุดนี้  จึงมีร่างกายไม่แข็งแรง
คุณมนัสเลยเล่าให้ฟังว่า การเพาะเห็ดต้องใช้ยาสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหนอนอย่างมาก  อาจจะเป็นเพราะเจ้าของโรงงานเพาะเห็ดและลูกน้อง  ต้องสูดดมสารเคมีเหล่านั้น  ถึงแม้คนปลูกเห็ดจะไม่กินเห็ด  คนขายเห็ดไม่กินเห็ด  แต่การสูดดมสารพิษพวกนี้ทุก ๆ วัน. มันก็สะสมในร่างกาย พอสะสมมาก ๆ ทุกวัน ๆ เลยมาแสดงอาการตอนมันเต็มที่แล้ว

เมื่อขายเห็ดให้คนกินทั้งประเทศ  แล้วผลเสียที่มีต่อคนอื่นต่อประชาชนคนที่ไม่รู้  เราก็จะเป็นบาปโดยที่ไม่รู้ตัวไหม

เลยย้อนถามคุณมนัสว่า คุณมนัสเชื่อเรื่องเวรกรรมไหม โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวร คุณมนัสตอบมาวันนี้เข้าใจและเชื่อเรื่องเวรเรื่องกรรม หลังจากเจอด้วยตัวเอง และคุณมนัสฝากบอกมาว่า ให้ประชาชนทุกคนจงรู้ว่า

เห็ดถึงมีประโยชน์มาก แต่ก็มีโทษที่แอบแฝงมามากเช่นกัน

เพราะถ้าคนที่เพาะเห็ดขายเพื่อหาผลกำไรมาก หรือต้องการกำไรมาก ก็จะใช้ยาฉีดที่เป็นอันตรายมากต่อสุขภาพ โดยเฉพาะคนที่ชอบกินเห็ด เริ่มแรกอาจมีผลข้างเคียง แต่นานไปถ้าสะสมมาก ๆ ก็จะเป็นเหมือนเจ้าของโรงเพาะเห็ดและคุณมนัสผู้ขายส่งต่อ หรือคนใกล้ชิดที่ทำอาชีพนี้  ซึ่งแต่ละคนก็มีสุขภาพที่ย่ำแย่กันทุกคน

เรื่องราวนี้เล่าฟังนี้  ขอให้ประชาชนผู้บริโภค ได้เตรียมพร้อมและรู้ทัน  ว่าควรกินเห็ดต่อหรือควรหลีกเลี่ยงการกินเห็ด


ส่งมาจากน้ายุพร





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น