กระทงใบตองแห้งใบละ1.20บาท รองด้วยชามกระดาษ
เรา:เคยคิดว่าทำไมไม่ใช้อะไรที่ไม่ใช่โฟม พบแล้วในรูป เพียงเราใส่ใจ
หันมาซื้อร้านไม่ใช่โฟม กดดันร้าน ร้านสามารถหาวัดดุอื่นแทนโฟมได้อยู่แล้ว
ภัยกล่องโฟม
ข้าวกล่องโฟม ตัดถุงพลาสติกใสรองอาหาร ได้รับสารก่อมะเร็ง 2 เด้ง และต้นตอมะเร็งสูงกว่าปกติ 6 เท่า
มีผลการวิจัยออกมาว่า ถ้ารับประทานอาหารกล่องโฟมทุกวัน วันละอย่างน้อย 1 มื้อ ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งสูงกว่าคนปกติถึง 6 เท่า และมีสารก่อมะเร็งถึง 3 ชนิด
สหรัฐฯ เพิ่งประกาศขึ้นบัญชีสารก่อมะเร็ง หญิงมีครรภ์ที่รับประทานอาหารบรรจุในกล่องโฟม ลูกมีโอกาสสมองเสื่อมเป็นเอ๋อ อวัยวะบางส่วนพิการ
กล่องโฟมที่ใช้ตามท้องตลาดทั่วไป (Styrofoam) เป็นของเสียเหลือทิ้งสีดำ ๆ จากกระบวนการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ประกอบด้วย สารสไตรีน (Styrene) มีโครงสร้างโมเลกุลคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในเพศหญิง
สารสไตรีน (Styrene) ทำให้ สมองมึนงง สมองเสื่อมง่าย หงุดหงิดง่าย มีผลทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ และเป็นสารก่อมะเร็งอีก 3 ชนิด ถ้าเป็นผู้ชายรับประทานเข้าไปมากๆ มีโอกาสเสี่ยงเป็น โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
ขณะที่ผู้หญิงมีโอกาสเป็น มะเร็งเต้านม และทั้งสองเพศ มีโอกาสสูงต่อการเป็น มะเร็งตับ แม้จะไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำก็ตาม
ทั้งนี้ ผู้บริโภคมีโอกาสได้รับสารสไตรีนในกล่องโฟมได้ง่ายถึง 5 ปัจจัยได้แก่
1. อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นหรือเย็นลง ทำให้สไตรีนซึมเข้าสู่อาหารได้สูง
2. ถ้าปรุงอาหารโดยใส่น้ำมัน น้ำส้มสายชูแอลกอฮอล์ จะดูดสารสไตรีนจากกล่องโฟมได้มากกว่าปกติ
3. ถ้าซื้ออาหารใส่กล่องทิ้งไว้นาน ๆ ไม่ได้รับประทาน อาหาร จะดูดสารสไตรีนได้มาก
4. ถ้านำอาหารที่บรรจุโฟมเข้าไมโครเวฟ สไตรีนจะไหลออกมาในปริมาณมาก
5. ถ้าอาหารสัมผัสพื้นที่ผิวกล่องโฟมมาก ๆ รวมถึง ร้านไหนตัดถุงพลาสติกใสรองอาหาร ขอบอกว่าได้รับสารก่อมะเร็ง 2 เด้ง ทั้งสไตรีนและไดออกซินจากถุงพลาสติกเลยทีเดียว
อาหารตามสั่งหรือข้าวราดแกงกับไข่ดาวหรือไข่เจียวร้อน ๆ จะไปละลายผนังกล่องโฟม
เสมือนรับประทานอาหารคลุกสไตรีนไปด้วย ถึงกระนั้น ไข่ดิบที่วางขายในแผงไข่พลาสติก สารสไตรีนมีโอกาสวิ่งเข้าในเปลือกไข่ได้เช่นกัน
ถ้าเลือกไข่ดิบควรเลือกซื้อจากแผงไข่กระดาษจะปลอดภัยที่สุดค่ะ
ข้อมูล นพ.วีรฉัตร กิตติรัตนไพบูลย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ บริษัทบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม
CR: บทความโดย thaihealth
ห้ามใช้.....รู้หรือไม่
เมื่ออันตรายทำไมเกือบทุกร้าน ไม่ว่าจะร้านข้างทาง หรือบางภัตตาคารใหญ่ จึงยังมีการใช้ “กล่องโฟม” ใส่อาหารกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งจากข้อมูลของ “กรมควบคุมมลพิษ” พบว่า ตั้งแต่ปี 2552-2556 มีขยะประเภทโฟมเพิ่มขึ้นจาก 34 ล้านชิ้น เป็น 61 ล้านชิ้น ดังนั้นเฉลี่ยแล้วคนไทยใช้ภาชนะจากโฟมอย่างน้อย 1 ชิ้นต่อคนต่อวัน
คำถาม ต่อมา คือ แล้วทำไมภาครัฐไม่จัดการ
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย ให้ “คำตอบ” ถึงคำถามข้างต้น ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกกฎกระทรวงตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข มาเป็นเวลา 10 ปี แล้วว่า “ห้ามใช้” กล่องโฟมที่ไม่ได้มาตรฐานมาใส่อาหารร้อน และอาหารมัน เพราะกระทบต่อสุขภาพ แต่ไม่ค่อยได้ผลนัก ปัจจุบันจึงยังพบเห็นได้เสมอตามท้องตลาด ที่ผ่านมาทางกรมอนามัยจึงใช้วิธีรณรงค์ให้ร้านค้าเปลี่ยนภาชนะบรรจุอาหารจากกล่องโฟม เป็นภาชนะที่ผลิตจากธรรมชาติ หรือ “ไบโอโฟม” แทน แต่การปรับเปลี่ยนให้ผู้บริโภคหันมาใช้ไบโอโฟมเป็นไปได้ยาก เพราะราคาสูงกว่าโฟม 2-4 เท่า
“กล่องโฟมเมื่อโดนความร้อน หรือของมัน จะละลายสารสไตรีนที่เร่งให้เกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิง และมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชายออกมา แต่ผู้ประกอบการก็เอาง่าย เอาถูกเข้าว่า เชื่อหรือไม่ที่มันกระจายได้เร็วเพราะถูกมาก อัดใส่ข้าวกล่องหนึ่งต้นทุนไม่ถึง 1 บาท แต่หารู้ไม่ว่ามันเพิ่มค่าใช้จ่ายมากมายถ้าป่วยเป็นมะเร็ง ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเลิกใช้กันอย่างจริงจัง หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงการเอาภาชนะที่ปลอดภัยไปใส่อาหารเองจะดีที่สุด” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ไบโอโฟม.....ตัวช่วยที่ถูกเมิน
ไล่เรียงตรวจสอบไปที่บรรดาพ่อค้าแม่ขาย พบว่า หลายๆแห่งรู้ถึงพิษภัยของ “กล่องโฟม” แต่ในมุมมองของผู้ลงทุนก็ต้องเลือกใช้ เพราะมัน “ถูก”.....
“ป้าเตือนใจ” แม่ค้าอาหารตามสั่งในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี กล่าวว่า ทราบพิษภัยของกล่องโฟมอยู่บ้าง ก็พยายามบอกนักศึกษาที่มาซื้ออาหารว่าคราวหน้าให้เอากล่องที่ใส่ข้าว หรือจานมาด้วย กลายเป็นว่านักศึกษาบางคนไม่เข้าใจ คิดว่าเรา “งก” กลัวเปลืองกล่องโฟมอีก อีกวิธีที่จะช่วยลดอันตรายจากกล่องโฟมได้ คือ เราจะพักอาหารให้เย็นลงหน่อยก่อนที่จะใส่ลงกล่องโฟม
ขณะที่ “ป้าไสว” แม่ค้าอาหารตามสั่งอีกแห่ง บอกว่า ไม่รู้เรื่องที่กฎหมาย “ห้ามใช้” แต่พอรู้ถึงเรื่องอันตรายบ้าง แต่จะให้ทำอย่างไร เพราะกล่องโฟมมีราคาถูก และใช้สะดวก ถ้าไม่ใช้กล่องโฟมก็ไม่รู้จะใช้อะไร จะให้ใช้พวกกล่องโฟมจากธรรมชาติที่เรียกว่า “ไบโอโฟม” ก็ไม่ไหว เพราะมันแพงกว่า อีกอย่างลูกค้าก็เต็มใจที่จะให้ใส่กล่องโฟมเพราะสะดวก ไม่เสียเวลาต้องล้างจานด้วย
กล่าวสำหรับ “ไบโอโฟม” ถูกยกให้เป็น “ตัวช่วย” ในเรื่องนี้ เพราะผลิตจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ชานอ้อย เยื่อไผ่ มันสำปะหลัง เป็นต้น ทนทานต่อความร้อน ใช้กับอาหารมีไขมันได้ เข้ากับไมโครเวฟได้ การย่อยสลายดีมาก คือ ถ้าทิ้งไว้ 45 วันก็ย่อยสลายหมดแล้ว เพราะทำจากธรรมชาติ แตกต่างจากโฟมที่ต้องใช้เวลา 450-1,000 ปีขึ้นไปกว่าจะย่อยสลายหมด
ที่มา http://www.thaihealth.or.th/Content/27346-อันตรายจากกล่องโฟม%20เสี่ยงโรคมะเร็งสูง.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น