วันอังคารที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2560

โปรตีนเกษตร/ มังสวิรัติกินยังไงไม่ให้ขาดสารอาหาร






รำปิ้งกล้วย
เนื้อกล้วยน้ำว้าสุก1ผล งาขาวคั่วตำ(งาดำคั่วมีแคลเซี่ยมมากที่สุด)ไม่เกิน2ช้อนแกง รำอ่อนคั่ว(รำข้าวสาลีอบ)ไม่เกิน2ช้อนแกง

ใช้มือขยำเข้ากัน ห่อใบตองกลัดไม้จิ้มฟัน ย่างบนกะทะเทฟล่อนปิดฝาหรือเตาถ่าน5-10นาที

คนขี้ร้อนป่วยด้วยภาวะเย็นเกิน ใส่งาและรำอ่อนน้อยหน่อย
คนขี้หนาวป่วยด้วยภาวะเย็นเกิน ใส่งาและรำอ่อนมากหน่อย 

งามีฤทธิ์ร้อน บำรุงสมอง บำรุงกระดูก บำรุงรักษาระบบกล้ามเนื้อ และระบบประสาท
 .  .  .  .  .  .  . ให้ทำงานปกติ บำรุงผิวพรรณ
รำข้าวมีฤทธิ์ร้อน  บำรุงกระดูก ช่วยในขบวนการสร้างพลังงานของเซลล์ บำรุงเลือด
                 ช่วยต้านมะเร็ง ซับสารพิษจากร่างกาย บำรุงระบบประสาท บำรุงผิวพรรณ 
กล้วยน้ำว้า ช่วยให้การทำงานของหัวใจดียิ่งขึ้น

กินเช้าหรือเย็น

สูตรป้านิดดูที่38:20

กล้วยรำงาปิ้ง(สูตรหมอเขียว)




 ***************************************************************************** พี่อี๊ดแม่ครัวสวนป่านาบุญดอนตาล อธิบายเมนูอาหารสุขภาพและวิธีทำ
ยึดหลักปรุงพอสุก กินตามลำดับดังนี้
ข้าวต้มสุขภาพ:ข้าวสารซาวน้ำและเก็บน้ำที่ซาวไว้ล้างผัก ใส่น้ำต้มจนสุกไม่เละ ผักต้มหลากหลายโดยใส่ผักสุกยากก่อนจบด้วยผักใบเขียว ปรุงรสด้วยเกลือ30%
มะละกอคลุกมะเขือเทศ ใส่น้ำมะขามเปียกผสมน้ำตาลและเกลือ เพิ่มมะนาว
ข้าวกับกับข้าว
ถั่วต้มหมุนเวียนไม่ซ้ำ แยกแช่ถั่วไม่แช่รวมกัน ใส่น้ำแช่มากๆ แช่ค้างคืน ยกเว้นถั่วทอง แช่ 30 นาที ใส่ถั่วสุกยากต้มก่อน ปรุงด้วยเกลือ

น้ำใบบัวบก
06.35 ช่วยความจำ ผู้ป่วยหลังผ่าตัดช่วยสมานแผล
09.50 นำผักปั่น-ผักบุ้ง อ่อมแซบ กล้วยน้ำว้าสุก มะม่วงดิบ มะละกอดิบ
14.02 กรรมและผลของกรรมที่ส่งผลต่อความเจ็บป่วย




น้ำนมธัญพืช
 https://youtu.be/0gPjaPGprYI?list=UUs1wz10aK6vUYy9g3zfYG3w



 เมนูอาหารปรับสมดุล http://morkeawfansclub-food.blogspot.com/



ก๋วยจั๊บเจ

แช่แผ่นก๊วยจั๊บ10นาทีหรือนุ่ม

วิธีทำ
แช่ถั่วเขียวซีก 2 ชั่วโมง ให้บานและนิ่มขึ้น
ซาวข้าวสารล้างให้สะอาด และเทถั่วเขียวซีกที่แช่แล้วเทผสมลงใน
หม้อหุงข้าว ประมาณน้ำที่ใช้หุงขึ้นอยู่กับข้าวสารเก่าหรือใหม่
เวลาหุงใช้เท่ากับเวลาปรกติของหม้อหุงข้าว เมื่อสุกแล้วตักเสริฟ


วิธีทำ
หั่นหัวปลีให้เป็นฝอย ลวกให้สุกคือไม่ฝาด คลุกส่วนผสมในภาชนะได้แก่ หัวปลีลวก ข้าวคั่ว มะนาว เกลือ ซีอิ้ว มีรสเล็กน้อยใส่หัวแดง ใบสะระแหน่ ผักชีใบยาว คลุกอีกครั้งตักใส่จานเสริฟ
หมายเหตุ ท่านที่มีภาวะร้อนเกินมาก ลดหรืองดส่วนผสมที่มีฤทธิ์ร้อน ปรับให้เหมาะสมกับร่างกาย ณ เวลา นั้น ๆ

วิธีทำ
ต้มน้ำให้เดือด ใส่ผักกวางตุ้ง  ปิดฝาลวกให้สุก ประมาณ 4 นาที
ดูให้ก้านในใส ถ้าไม่สุกจะเหม็นเขียว และขม
สุกแล้วตักเสริฟ จิ้มทานกับเกลือ


ส่วนผสมฤทธิ์เย็น
แผ่นเมี่ยง,ผักกาดหอม,มะเขือเทศ,เส้นมะละกอดิบ,
ผักบุ้งจีน,แตงกวา,มะขามเปียก, เกลือ,น้ำตาล
ปรับใช้ผักฤทธิ์เย็นได้ตามชอบ
วิธีทำ
ล้างผักให้สะอาด แล้วนำมาห่อด้วยแผ่นเมี่ยง
น้ำจิ้ม ต้มน้ำมะขามเปียก ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล
ปรุงให้ได้ 3 รส เสร็จแล้วจัด ใส่จานเสริฟ



ผัมะละกอกับฟักเขียว: มะละกอห่าม, ฟักเขียว, เห็ดฟาง,ใบอ่อมแซบ,เกลือ

วิธีทำ
ขูดมะละกอและฟักเขียวเป็นเส้น หั่นเห็ดฟางเป็นชิ้นเล็ก
เด็ดใบอ่อมแซบ ตั้งกะทะไฟปานกลางใส่น้ำร้อน 1-2 ทัพพี ใส่มะละกอ และฟัก ผัดจนเส้นมะละกอนิ่มไม่แข็งถ้าน้ำเริ่มแห้งเติมน้ำได้ เมื่อนิ่มใส่เห็ดฟาง ชิมรส เติมเกลือเล็กน้อย และโรยด้วย ใบอ่อมแซบ เสร็จแล้วตักเสริฟ

ต้มจืดสุขภาพ https://youtu.be/fJUrQBZSdCU


หมกหรือนึ่งหัวปลี https://youtu.be/MyLEFfZ8CWc

สวนป่านาบุญ3 ส้มตำ แกงอ่อม
http://youtu.be/-AExqLA8MOU

ข้าวผัดดอกเกลือ ธัญพืช https://youtu.be/cNpg5vymPmY


ข้าวคลุกกะปิ
https://m.youtube.com/watch?v=oNxv6Z7yXJ4


น้ำยาเห็ดนางฟ้าและเห็ดฟาง  https://youtu.be/2X9RItrmhIc

ยำมะม่วง https://youtu.be/cUd_n12UvMQ


หมอเขียว แฟนคลับ เมนูอาหาร แต่ผัดใช้น้ำมันและใส่น้ำตาล

ยำวุ้นเส้น




                 
                  แกงอ่อม

แกงอ่อม
1.ต้มน้ำเดือดปุดๆ ใส่ตะไคร้ หอมแดง รอเดือด
2.ใส่น้ำย่านาง หัวไชเท้า รอเดือด
3.ใส่ฟักเขียว รอฟักสุก ใส่มะละกอห่าม ฟักทอง รอสุก
4. ผักหวานบ้าน อ่อมแซบ เกลือ30%
5.โรยใบแมงลัก

สูตรอาหารปรับสมดุล


 ******************************************************************************
ป้าเช็งสอนแจ๋ว ทำกับข้าว








 ******************************************************************************

 ******************************************************************************

แฟนห้ามกินมังสวิรัติ เพราะซีด  

30 กันยายน 2554

คุณหมอสันต์คะ

ดิฉันทานอาหารมังสะวิรัติแล้วถูกแฟนห้าม โดยอ้างว่าทานแล้วซีด เมื่อไปให้หมอตรวจหมอก็บอกว่าเป็นโลหิตจาง ค่า Hb ได้ 11.3 และหมอแนะนำว่าให้เลิกทานมังสะวิรัติ ดิฉันไม่เชื่อ คนทานมังสะวิรัติมีทั่วโลก งั้นเขาก็เป็นโลหิตจางกันหมดสิคะ จึงอยากถามคุณหมอถ้าดิฉันจะทานมังสวิรัติต่อไปจะต้องทำอย่างไรดีจึงจะไม่ซีด

..............................................

ตอบครับ(นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์)

สาเหตุของโรคโลหิตจางมีเยอะแยะแป๊ะตราไก่นะครับ แต่คุณให้ข้อมูลมาประเด็นเดียวคือการทานมังสวิรัติผมก็จะตอบประเด็นเดียว คือโลหิตจางจากการขาดอาหาร ก็แล้วกัน

ถ้าถามว่าคนกินมังสะวิรัติมีอัตราการเป็นโรคโลหิตจางมากกว่าคนกินทุกอย่างที่ขวางหน้าจริงไหม ตอบว่า “จริงครับ”

แล้วถ้าถามต่อว่ามีวิธีทานมังสวิรัติโดยไม่ให้มีปัญหาโลหิตจางไหม ตอบว่า “มีครับ”

โลหิตจางที่เกิดจากขาดสารอาหาร มีอยู่สี่ประเด็นเท่านั้นคือ ขาดโปรตีน ขาดวิตามินบี12 ขาดธาตุเหล็ก และขาดโฟเลท เรามาว่ากันไปทีละประเด็นนะครับ

1. ประเด็นโปรตีน พึงทราบก่อนว่าอาหารโปรตีนทุกชนิดเมื่อทานเข้าไปแล้วร่างกายจะย่อยลงไปเป็นกรดอามิโนก่อน แล้วค่อยเอาไปประกอบเป็นเนื้อหนังมังสาขึ้นมาภายหลัง ในบรรดากรดอามิโนทั้งหลายนี้ บางส่วนร่างกายก็สร้างขึ้นเองได้ แต่มีอยู่ 8 ตัวที่ร่างกายสร้างขึ้นไม่ได้ คือ ทริปโตแฟน, เฟนิลอะลานีน, ไลซีน, ทริโอนีน, วาลีน, เมไทโอนีน, ลิวซีน, ไอโซลิวซีน ประเด็นมันอยู่ที่ว่าพืชทุกชนิดไม่มีชนิดไหนมีกรดอะมิโนจำเป็นครบทั้ง 8 ตัว เช่นถั่วเหลืองที่ว่ามีกรดอะมิโนจำเป็นมากที่สุดก็มีแค่ 7 ตัว ยังขาดเมไทโอนีน งามีเมไทโอนีนแยะแต่ขาดตัวอื่นหลายตัว ข้าวกล้องมีเมไทโอนีนแต่ขาดไลซีน เป็นต้น ดังนั้นการทานมังสวิรัติต้องทานพืชอาหารโปรตีนหลายคละกันเพื่อให้ได้กรดอะมิโนจำเป็นครบทุกตัว เช่นทานถั่วเหลืองผสมกับงา (สูตรยอดนิยม) หุงข้าวกล้องกับถั่วดำ  จึงจะได้โปรตีนครบเหมือนทานโปรตีนจากสัตว์ เพราะโปรตีนจากสัตว์เช่นนมวัวและไข่จะมีกรดอะมิโนจำเป็นครบทั้ง 8 ตัวในตัวของมันเอง

2. ประเด็นวิตามินบี.12 วิตามินตัวนี้ได้จากการสร้างสรรค์ของบักเตรี ผ่านกระบวนการหมัก ดังนั้นคนไทยซึ่งชอบทานของหมักๆเหม็นๆ เช่น กะปิ น้ำปลา ปลาร้า กันเป็นประจำอยู่แล้วจึงไม่ขาดวิตามินบี.12 ถึงจะเป็นมังสวิรัติเคร่งครัดไม่ทานกะปิน้ำปลาหรือปล้าร้าเลย ในผักสดที่เราทานก็มีวิตามินบี.12 อยู่บ้าง และเรายังมีทางได้วิตามินบี.12 มาจากการที่บักเตรี ในลำไส้ของเรา เอาสารคาร์โบไฮเดรตในกลุ่มโอลิโกแซคคาไรด์จากอาหาร เช่น ถั่วไปย่อยด้วยวิธีหมักจนได้แก้สและวิตามินบี.12 ออกมาเป็นผลพลอยได้ แค่นี้ก็พอใช้แล้ว 

ปัญหาจะเกิดก็ต่อเมื่อเราทานยาปฏิชีวนะซึ่งมักทำให้บักเตรีที่หมักอาหารในลำไส้ของเราเกิดล้มตายเป็นเบือ เมื่อนั้นคนทานมังสวิรัติก็จะขาดวิตามินบี.12 ได้ อีกกรณีหนึ่งมีข้อมูลการศึกษาในผู้สูงอายุอเมริกันว่าคนเราเมื่ออายุมากขึ้นลำไส้จะดูดซึมวิตามินบี.12 ไปใช้ได้น้อยลง ดังนั้นในทั้งสองกรณีคือเมื่อทานยาปฏิชีวนะ หรือเมื่ออายุมากขึ้น ผมแนะนำว่าคนที่ทานมังสวิรัติอย่างเคร่งครัดน่าจะทานวิตามินบี.12 เสริมด้วย

3. ประเด็นธาตุเหล็ก อาหารมังสวิรัติจะมีธาตุเหล็กเหลือเฟือโดยเฉพาะอย่างยิ่งในถั่ว ผักที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ผักกูด ผักแว่น ใบแมงลัก เห็ดฟาง พริกหวาน กะเพราแดง ขึ้นฉ่าย และธัญพืช แต่ธาตุเหล็กที่ได้จากอาหารที่เป็นพืชไม่ได้อยู่ในรูปของโมเลกุลฮีม ร่างกายนำมาใช้ยากเพราะต้องอาศัยกรดสกัดเอาตัวเหล็กออกมาก่อนจึงจะดูดซึมไปใช้ได้ ต่างจากธาตุเหล็กจากสัตว์เช่นเลือด ตับ เนื้อ ซึ่งอยู่ในรูปของฮีมที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ง่าย คนทานมังสวิรัติจึงต้องทานอาหารที่ให้ธาตุเหล็กมาก ร่วมกับอาหารที่ให้วิตามินซีมากเพราะวิตามินซีช่วยการดูดซึมธาตุเหล็ก งานวิจัยผู้ทานอาหารมังสวิรัติพบว่าการทานอาหารประเภทข้าวและผักที่เราทานอยู่เป็นประจำโดยไม่มีเนื้อสัตว์เลย การดูดซึมธาตุเหล็กที่มีอยู่ในอาหารไปใช้จะเกิดขึ้นเพียง 3-10% เท่านั้น แต่ถ้าได้วิตามินซีจากผลไม้อีก 25-75 มก. (ฝรั่งประมาณครึ่งลูก) การดูดซึมของธาตุเหล็กที่มีอยู่ในข้าวและผักนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10-12% จึงควรทานอาหารที่มีวิตามินซี.สูงร่วมกับอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงไปด้วยเสมอ ถ้าเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงก็ เช่น ส้ม ผรั่ง มะม่วง มะละกอ แคนตาลูป มะเฟือง สตรอเบอรี่ กีวี สับปะรด ส่วนผักที่มีวิตามินซีสูงก็เช่น พริกหวาน ผักบุ้ง คะน้า ตำลึง พริก มะเขือเทศ บรอกโคลี 

ยังมีประเด็น สารแทนนิน ที่พบในน้ำชา กาแฟ จะขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กให้ร่างกายได้รับเหล็กน้อยลงไปอีก แคลเซียมที่ได้จากนมหรือจากยาเม็ดแคลเซียมก็ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก จะเห็นว่าผู้ทานมังสวิรัตินั้นมีความเสี่ยงที่จะขาดธาตุเหล็กได้ง่ายๆ จากหลายสาเหตุ ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่มีหลักฐานว่าซีดหรือโลหิตจาง ควรตรวจเลือดดูค่า ferritin ซึ่งเป็นโปรตีนบอกระดับเหล็กในร่างกาย หากต่ำก็แสดงว่าเป็นโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กแน่นอน ต้องทานธาตุเหล็กเสริมทันทีและต้องวิเคราะห์แบบแผนวิธีทานอาหารของตนว่าทำไมจึงได้รับเหล็กไม่พอแล้วปรับวิธีทานเสียใหม่

4. ประเด็นโฟเลทหรือกรดโฟลิก งานวิจัยอาหารไทยพบว่าโฟเลตมีมากในถั่วผักคะน้า กะหล่ำ ผักโขม ผักกาด และผลไม้เช่นส้ม สับปะรด ฝรั่ง มะละกอ คนเป็นมังสะวิรัติจึงไม่ขาดโฟเลทยกเว้นเฉพาะช่วงตั้งครรภ์ซึ่งร่างกายต้องการมากเป็นพิเศษ ประเด็นสำคัญคือการสูญเสียโฟเลตจากการปรุงอาหารด้วยความร้อน งานวิจัยเดียวกันพบว่าการนึ่งผัก 20-60 นาทีทำให้โฟเลตเสียไป 90% ดังนั้นจึงควรหาโอกาสทานผักสดหรือผักที่ที่ไม่ต้องปรุงด้วยความร้อนนานๆด้วย

 ******************************************************************************

proteinkasettung



โปรตีนเกษตร




********************************

เกิดหลังจากวิกฤตอีกวิกฤตหนึ่ง คือพอเราหายจากโรค ปีถัดมา 2547 สามีป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก อันนี้หนักเลย แม้ว่าจะตรวจพบเร็วและอยู่ในขั้นต้น แต่วิธีการรักษามะเร็ง แพทย์จะทำคีโม ต้องฉายแสงและผ่าตัด ผลข้างเคียงคือผมร่วง เหนื่อย ไม่มีแรง หายใจไม่ออก และพอผ่าตัดต่อมลูกหมากก็ทำให้ฉี่ไม่ได้ ต้องใส่แพมเพิร์ส เพราะต่อมลูกหมากเป็นท่อที่เกาะท่อปัสสาวะ แล้วท่อปัสสาวะเคลื่อนตัวได้ด้วยการขยับของต่อมลูกหมาก พอไม่มี ก็เหมือนท่อวางเฉยๆ คุมการฉี่ไม่ได้ ก็ปรึกษากันเราก็เอาแนวความคิดเราบอกกับเขาซึ่งเขาเป็นทั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลและที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลกด้วย ตกลงกันได้ว่าเราจะไม่ป่วยเพราะรักษา ก็ตัดสินใจย้อนศรไปทางธรรมชาติบำบัด โอเค เราใช้ชีวิตผิดมาแล้ว เครียดกินอาหารไม่ใช่ ไม่ถูกต้อง 

ป้านิดดา สามี และหลาน

 ศาสตราจารย์ ดร.ทวีทอง หงษ์วิวัฒน์ อดีตนักวิชาการด้านสังคมศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลและที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลก

*************************************



กรรมวิธีการผลิตโปรตีนเกษตร

แบบดั้งเดิม จะใช้วัตถุดิบ ได้แก่ โปรตีนสกัดจากถั่วเขียว แป้งถั่วเหลืองชนิดมีไขมันเต็ม ดีแอลเมทไธโอนิน เกลือไอโอไดด์ วิตามินรวม โซเดียมคาร์บอเนต และสารละลายกรดเกลือ 3% นำมาผสมให้เป็นเนื้อเดียวกันในเครื่องผสม จากนั้นนำมาเกลี่ยบนถาดและตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ทำให้แห้งโดยใช้ตู้อบ หรือถ้านำมาตีป่นหยาบๆ จะได้โปรตีนเกษตรแห้งแบบเนื้อสับ

ปัจจุบันผลิตมาจากแป้งถั่วเหลืองพร่องไขมัน 100 เปอร์เซ็นต์  ซึ่งเป็นโปรตีนจากพืชถึง 50 เปอร์เซ็นต์


วิธีการใช้โปรตีนเกษตร

1.แช่ในน้ำเย็น โดยใช้โปรตีนเกษตร 1 ส่วนต่อน้ำ 2 ส่วน 


2.ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จะดูดน้ำจนพองนิ่ม หรือแช่ในน้ำเดือดใช้เวลา 2 นาที

3.บีบน้ำออก นำไปประกอบอาหารได้

4.ล้างหลาย ๆ ครั้งจนหมดกลิ่นอับ บีบให้แห้ง

 ******************************************************************************


วิธีรับประทานกะปิเจ
1. ปั่นหรือใส่แบบพิมพ์ เป็นแผ่นๆ ตากแดดให้แห้ง ไว้ย่าง, ทอด รับประทานได้
2. ห่อใบตอง เหมือนหมกปลาแดก หมกหรือนึ่ง เอาข้าวเหนียว จิ้มรับประทานได้
3. ใส่กระทะตั้งไฟ คั่วไฟอ่อนๆ จนเป็นกะปิแห้ง เก็บใส่ขวดโหลไว้ ใส่น้ำพริก หรือใส่แกงได้

https://www.asoke.info/veget/V003.html 

 ******************************************************************************




ลาบเจ อาหารเจสุดแซบจากโปรตีนเกษตร




          1. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟต้มจนเดือด ใส่โปรตีนเกษตรที่แช่น้ำไว้ลงต้มจนสุก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ เตรียมไว้

          2. ปรุงรสซีอิ๊วขาว น้ำมะนาว น้ำตาลมะพร้าวและพริกป่นลงในอ่างผสม คนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย จากนั้นใส่โปรตีนเกษตรต้มสุก ลงเคล้าผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ใส่ข้าวคั่ว ผักชีฝรั่งซอย และใบสะระแหน่ เคล้าผสมให้เข้ากันอีกครั้ง


*********************************************************************************

อาหารเจ ความสุขในวันวานครั้งเทศกาลกินเจ

          1.  แช่โปรตีนเกษตรแช่น้ำจนเย็น โดยใช้โปรตีนเกษตร 1 ส่วนต่อน้ำ 2 ส่วน ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จะดูดน้ำจนพองนิ่ม หรือแช่ในน้ำเดือดใช้เวลา 2 นาที ล้างหลาย ๆ ครั้งจนหมดกลิ่นอับ บีบให้แห้ง

          2.  หมักโปรตีนเกษตรด้วยขิงสับ  ซีอิ๊วขาว  น้ำตาลมะพร้าว แป้งข้าวโพด คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ 20 นาที

          3.  ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช พอร้อนใส่โปรตีนเกษตรที่หมักไว้ ผัดพอทั่ว เติมน้ำเปล่า ใส่ถั่วขาว เบาไฟ เคี่ยวไฟอ่อนจนรสชาติกลมกล่อม 

*********************************************************************************
เมนูเจ

น้ำพริกโปรตีนเกษตร(เราดัดแปลงจากน้ำพริกเห็ด)
1.  แช่

2.ใส่น้ำมันลงกระทะ ยกขึ้นตั้งบนไฟกลาง พอน้ำมันร้อนใส่โปรตีนเกษตรลงผัด

3.ปรุงรสด้วยพริกขี้หนูแห้งคั่ว น้ำมะขามเปียก เกลือป่น น้ำตาลทราย และน้ำ ผัดให้เข้ากัน 

4.พอน้ำพริกเริ่มแห้ง และเหนียวจับตัวกันก็ปิดไฟได้เลย

(=ทำแล้วโปรตีนเกษตรไม่นิ่ม)

ส้มปลาน้อย

1.นำถั่วดำแช่น้ำ1คืน ต้มจนนิ่ม 

2.เอาถั่วดำใส่ครก ตำให้ละเอียด ใส่เกลือหรือซีอิ๊วขาว กระเทียมป่น โขลกไปเรื่อยๆ เติมตะไคร้หั่น  มะเขือขื่นหั่น และ ข้าวคั่วหลังสุด ถ้าบีบมะนาวใส่ ก็จะมีรสเปรี้ยว รับประทานได้เลย หรือทิ้งไว้ข้ามคืน ก็จะมีรสเปรี้ยว กินกับข้าว จนหมด


******************************************************************************


เมนูเจ

แกงจืด(เราดัดแปลงจากแกงจืดฟองเต้าหู้ยัดไส้เจ)

1. หมักโปรตีนเกษตรโดยผสม วุ้นเส้น ซีอิ๊วขาวหรือเกลือ และแป้งสาลีอเนกประสงค์ คลุกให้เข้ากัน

2.ตั้งน้ำเดือดใส่รากผักชีกระเทียมตำจนน้ำเดือด ใส่โปรตีนเกษตรรอจนน้ำเดือดอีกครั้ง ใส่ผักต่างๆและขึ้นฉ่ายหั่นท่อนลงไป พอผักสุกดีแล้ว ปิดไฟ



******************************************************************************

เปาะเปี๊ยะทอด https://www.asoke.info/veget/V001.html

1. ซอยกะหล่ำปลี -แครอท -มันแกว
2. ผัดกะหล่ำปลีพอสลบ (พักไว้) ผัดแครอทให้สุก ใส่เกลือ พริกไทย ปิดไฟก่อน ใส่มันแกว กะหล่ำปลี ที่พักไว้
3. ห่อใส่ใบปอเปี๊ยะ (นำแป้งข้าวจ้าว ละลายน้ำข้นๆ) ห่อแล้ว เอาแป้งปะ ปลายห่อ แล้วม้วนห่อให้สวย นำลงทอด

วิธีทำน้ำจิ้ม
น้ำตาลทราย 1/2 กก น้ำส้มสายชู ครึ่งขวด เกลือพอประมาณ คอยชิม พอเริ่มเหนียว ใส่พริกตำลงไป หัวไชเท้าซอย ใส่เล็กน้อย ตักเสิร์ฟคู่กับ ปอเปี๊ยะทอด

อาหารเจ ความสุขในวันวานครั้งเทศกาลกินเจ

          

******************************************************************************

ไก่ผัดขิง

เอาน้ำมัน ตั้งไฟแรงปานกลาง ทุบกระเทียมเจียว ให้เหลือง ใส่ขิง โปรตีน เห็ดหูหนู เห็ดฟาง น้ำตาล ซีอิ้ว ชิมรสตามชอบ ใส่หอมใหญ่ พริกแดง พอสุกยกลง

******************************************************************************
9 สูตรอาหารเจเมนูผัด

     1. เอาวุ้นเส้นไปแช่น้ำให้เส้นนิ่มก่อน  

   2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน ใส่วุ้นเส้นลงไปผัดจนเริ่มใส ใส่ผักกาดขาว ผักบุ้ง ถั่วงอก ถั่วลันเตา ข้าวโพดอ่อนลงไป ตามด้วยเส้นมะละกอ ปรุงรสตามชอบ ผัดให้เข้ากัน 

******************************************************************************



9 สูตรอาหารเจเมนูผัด


  
1. หั่นกะหล่ำปลีเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วดึงแยกออกจากกัน นำไปล้างให้สะอาด เตรียมไว้

2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟแรง พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมลงไปเจียวจนหอม

3. ใส่กะหล่ำปลีลงไปในกระทะ (ยังไม่ต้องผัด) ให้ทิ้งไว้ 10 วินาทีก่อน จากนั้นค่อย ๆ ผัดให้กะหล่ำปลีโดนความร้อนทั่ว ๆ แต่ยังไม่ต้องสุกมาก  นำมารวมตรงกลางกระทะ
4. ราด
******************************************************************************






วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ผัก/ผักผลไม้พื้นบ้าน/ผักผลไม้ปลอมจากจีน ผักมีสารพิษ




หลวงปู่ฉันผักสดกับแจ่วทุกวัน ตอนนี้เป็นมังกรคืนชีพ(มี.ค60)

จากคำตอบของหมอเขียว
เพราะสารสีเขียวและธาตุประกอบต่างๆที่เป็นปกติของชีวิต ช่วยในการฟื้นฟู ซ่อมแซม และทำให้เซลล์แข็งแรงขึ้น มีพลังชีวิต
ควรใช้ผักหมุนเวียนจะได้ประโยชน์มากกว่ากินผักอย่างเดียวซ้ำๆ
ที่มา:หมอเขียว. คู่มือการใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็นกับการดูแลสุขภาพ. หน้า15.








กระเจี๊ยบเขียว กระชาย
ขิงสด ขี้เหล็ก
ชะอม
บวบหอม
ใบยอ ผักปลัง 
มะเฟือง มะละกอ
ลูกเนียง ลูกลำดวน
หญ้าไผ่น้ำ หญ้าหนวดแมว
อ่อมแซบ




กระเจี๊ยบเขียว


อา.7ม.ค61ที่ครัวบ้านใหม่ เอามาจากตู้เย็นครัวของวัด

ตอนตี4-5ป้านิดแนะนำผักที่มีเส้นใยและละลายน้ำได้สูง
มี3ชนิดได้แก่กระเจี๊ยบเขียว ผักปลัง อ่อมแซบ ใจก็คิดว่าไม่ได้กินหรอกอยู่วัดจะเลือกอะไรได้ แต่พอจะกินข้าวเพล จึงถือปลาทูแมวจากครัวบ้านใหม่ไปเก็บในตู้เย็นครัววัดด้วย เหตุดีผลดีเกิด2อย่างคือ ได้เก็บหม้อน้ำมันหมูที่ลืมวางไว้ที่แคร่ เอาใส่ตู้เย็น ตู้เต็มต้องเลื่อนของจัดวาง เห็นกระเจี๊ยบเขียวในถุงด้วย ไดเอามากินกับยำปลาทูมื้อเพล

 กระเจี๊ยบเขียวญี่ปุ่นสนใจมากเพราะช่วยให้ผิวขาว (ที่ไมเคิลแจ็กสันฉีดให้เม็ดสีเปลี่ยนเป็นสีขาว) ลดพิษและขับสารพิษ สร้างระบบภูมิคุ้มกัน สร้างและซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ มีสารกำจัดอนุมูลอิสระ ถ้าร่างกายกำจัดอนุมูลอิสระไม่ได้ อนุมูลอิสระจะสร้างความเสียกับเซลล์และเนื้อเยื่อ เกิดเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน มะเร็ง ต้อกระจก ข้ออักเสบจากรูมาตอยด์

การทำงาน : เมื่อผักเข้าไปในร่างกาย ได้น้ำจากถุงน้ำดี ผักจะอุ้มไขมันส่วนเกินและอุ้มน้ำตาล จึงลดคอเรสโตรอลและเบาหวานออกไปจากลำไส้ เมื่อผักเคลื่อนไปถึงลำไส้ใหญ่ มันจะเป็นอาหารที่ดีของแบคทีเรียตัวดีเติบโต ดูคลิป43:18 https://m.youtube.com/watch?v=sjjrEL8_Dvw 





กระชาย(หลวงปู่ใส่ส้มตำ)

เหง้าและรากของกระชายมีรสเผ็ดร้อนขม 
หมอยาพื้นบ้านในประเทศไทยใช้เหง้าและรากของกระชายแก้ปวดมวนในท้อง แก้ท้องอืดเฟ้อ แก้ลมจุกเสียด แก้โรคกระเพาะ รักษาแผลในปาก แก้ตกขาว กลาก เกลื้อน ใช้เมื่อมีอาการปวดข้อเข่า ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงกำลัง 

https://www.doctor.or.th/article/detail/1321





ขิงสดช่วยแก้ไขอาการปวดเข่า

ข้อหัวเข่าเสื่อมักพบในคนน้ำหนักมาก เมื่อกระดูกลั่นดังกร็อบแกร็บ เราจะรู้สึกปวดเข่า

ถ้าลดนน.4.5-4.9 กก. จะลดความเสี่ยงข้อเข่าเสื่อมได้ถึงครึ่งหนึ่ง

กินขิงสดวันละ 1 ชช.ช่วยลดอาการปวดเข่าและข้อเข่าเสื่อม เพราะขิงมีสารจากธรรมชาติต้านการอักเสบ

ที่มา สารคดีDr.OZ ตอนแก้นิสัยแย่ๆ เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ ชม“
https://youtu.be/3C72Q5TFCMY
หลวงปู่ติดทีวีดิจิตอลดูรายการนี้
ดูเพิ่มเติมในบล็อกนี้ที่
https://www.blogger.com/blogger.g?blogID=3077885054647772908#editor/target=post;postID=2129547390460433093;onPublishedMenu=allposts;onClosedMenu=allposts;postNum=28;src=postname


ขี้เหล็ก 
 กฤษณา ไกรสินธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาขององค์การเภสัชกรรม(พ.ศ2542) ผลิตยาเม็ดขี้เหล็กสำหรับคลายเครียดออกสู่ท้องตลาด เพื่อลดการนำเข้าของยาต่างประเทศ วันนี้สมุนไพรขี้เหล็กที่ช่วยคลายเครียด  ขายดีจนแทบจะผลิตไม่ทัน เป็นที่ต้องการทั้งภายในและนอกประเทศ 

ชื่อเรียกในทาง พฤกษศาสตร์ว่า Cassia siamea Lamk. ซึ่งคำว่า siamea ที่เป็นชื่อชนิดของขี้เหล็กนั้น มาจากคำว่า Siam หรือสยาม ทั้งนี้ เพราะผู้ตั้งชื่อทางพฤกษศาสตร์และภาษาอังกฤษให้เกียรติประเทศสยาม (ในขณะนั้น) ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของต้นขี้เหล็กบ้าน ความจริงต้นขี้เหล็กบ้านพบขึ้นอยู่ตามธรรมชาติในหลายประเทศ เช่น ศรีลังกา อินเดีย มาเลเซีย ฯลฯ แต่ไม่เหมือนประเทศไทยที่พบได้ทั่วไป ทั้งในป่าและตามริมรั้ว รวมทั้งพลเมืองของประเทศเหล่านั้นก็ไม่นิยมกินขี้เหล็กเหมือนคนไทย


ที่นำมาผลิตเป็นยาคลายเครียด คือ ส่วนของใบอ่อน และดอกตูม ซึ่งจะมีมากในช่วงปลายฤดูฝน (กรกฎาคม-สิงหาคม) แต่เดิมภูมิปัญญาชาวบ้านหรือ ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะแนะนำคนที่นอนไม่ค่อยหลับว่า ให้กินแกงขี้เหล็ก ซึ่งจะช่วยให้หลับดีขึ้น แต่ในความเป็นจริง สารเคมีที่มีอยู่ในขี้เหล็กที่มีสรรพคุณช่วยคลายเครียดตัวที่ชื่อว่า แอนไฮโดรบาราคอล (anhydrobarakol) จะสลายไปเกือบหมดเมื่อนำมาปรุงเป็นอาหาร ส่วนที่เหลืออยู่ก็คือไฟเบอร์ที่ช่วยในการระบายขับถ่ายเท่านั้น และเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ระหว่างสมุนไพรสดกับเมื่อถูกแปรรูปแล้ว แน่นอนของสดย่อมมีคุณค่ามากกว่า แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถกินขี้เหล็กสดๆได้อย่างไม่ผะอืดผะอม

ปัจจุบันจะมีจำหน่ายทั้งชนิดเม็ดและชนิดน้ำเชื่อม(สำหรับผู้สูงอายุที่กลืนยาเม็ดไม่ได้) ส่วนผู้ที่อยากลองกินขี้เหล็กสดๆ แก้อาการเครียด นอนไม่หลับเป็นครั้งคราว ก็สามารถทำได้โดยวิธีง่ายๆ คือ ใช้ใบอ่อน(สด)ประมาณ ๕๐ กรัม ต้มกับน้ำใช้ดื่มก่อนนอน หรือที่คนโบราณใช้กัน คือ จะนำใบอ่อนขี้เหล็กมาดองเหล้าไว้ ๗ วัน ซึ่งตัวแอลกอฮอล์ในเหล้าจะสกัดเอาสารที่มีอยู่ในขี้เหล็กออกมา ก็นำเอาน้ำดองเหล้านั้นมาดื่ม


https://www.doctor.or.th/article/detail/2121

ชะอม


ชะอมเป็นพืชในวงษ์ถั่วจึงมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับแคและโสน ฯลฯ คือมีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะโปรตีน แร่ธาตุ และวิตามินชนิดต่างๆ นับเป็นผักที่ดีมากชนิดหนึ่ง สรรพคุณใบอ่อนและยอดอ่อน ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับลมในลำไส้ รากฝนแก้ท้องเฟ้อ ขับลมในลำไส้ แก้ปวดเสียวในท้อง ทั้งนี้บางคนอาจแพ้กลิ่นฉุนชะอม เวียนศรีษะและอาเจียนได้


บวบหอม


  • ผล เป็นยาระบาย ขับลม ขับน้ำนม และแก้อาการเลือดออกตามทางเดินอาหารและกระเพราะปัสสาวะ
วิธีทำบวบหอมเป็นยาฆ่าเหา
๑. หาบวบมา ๑ ผล
๒. แกะเปลือกออก
๓. ใช้น้ำในลุกบวบทาให้ทั่วศีรษะ ทาเปียกได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
๔. ทิ้งไว้จนแห้งจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ผลที่ได้รับคือ…
- เป็นยาฆ่าเหา
- รักษาหนังศีรษะและบำรุงรากผม
สรรพคุณทางยาของบวบหอม
- ขับปัสสาวะ ขับน้ำนม
- น้ำคั้นจากผลเป็นยาระบาย
- ผลแก่นำมาเผาให้เป็นเถ้า ใช้เป็นยาขับพยาธิ ขับลม
- เมล็ดแก่เต็มที่ใช้เป็นยาถ่าย
- น้ำมันที่บีบจากเมล็ดใช้ทาผิวหนัง
- น้ำจากผลแก่ และเมล็ดแก่ใช้เป็นยาฆ่าเหา
- เมล็ดแก่นำมาผสมกับเหล้าขาวแก้โรคหืด-หอบ



https://www.samunpri.com/บวบหอม/


ใบยอ






ผักปลัง : ยาระบายที่ปลอดภัย :ผัดแบบผักบุ้ง แกงส้ม

ผักปลังเป็นผักที่ชาวบ้านทุกภาคกินกัน เป็นอาหารที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ช่วยบำรุงร่างกาย ลดความดันโลหิต ทำให้เจริญอาหาร พ่อหมอยาบอกว่า ผักปลังเป็นสมุนไพรที่ถ่ายความร้อน ใช้รักษามะเร็งลำไส้ ทำให้ลำไส้เดินดี เมือกของผักปลังช่วยล้างลำไส้ ผักปลังมีรสเย็นจืด ทั้งผักปลังขาวและผักปลังแดงใช้ประโยชน์ทางยาได้เหมือนกัน กลไกที่ผักปลังช่วยระบายท้องนั้นส่วนหนึ่งมาจากความเป็นเมือกลื่นๆ ที่ช่วยหล่อลื่นทำให้ถ่ายสะดวก และจากสารกลูแคน (glucan) ที่มีอยู่ในผักปลัง สารนี้มีคุณสมบัติในการก่อเจล สารเพิ่มความหนืดให้กับยา เป็นสารก่อฟิล์มธรรมชาติที่ใช้เคลือบยา


ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์พบว่า สารกลูแคนมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติกส์ (prebiotics) หรือ เป็นอาหารของโพรไบโอติกส์ (probiotics) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์มีประโยชน์ที่เกาะอยู่ตามผนังลำไส้เล็กส่วนปลาย  โพรไบโอติกส์ทำหน้าที่ปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ทำให้การขับถ่ายดีขึ้น กำจัดสารพิษ เพิ่มภูมิคุ้มกัน ปรับปฏิกิริยาภูมิแพ้ ลดคอเลสเตอรอล สร้างวิตามินบี 12 ไบโอติน (biotin) และวิตามินเค ป้องกันมะเร็งในลำไส้และกระเพาะปัสสาวะ โพรไบโอติกส์จึงมีความสำคัญต่อสุขภาพอย่างมาก


ผักปลังเป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ล้างพิษแบบธรรมชาติ โดยใช้กลไกการทำงานของโพรไบโอติกส์ช่วยขับถ่ายและกำจัดสารพิษ นอกจากนี้ยังช่วยขับปัสสาวะอันเป็นการช่วยกำจัดสารพิษได้อีกทางหนึ่ง


ปลูกง่ายมากเลยแค่ตัดเป็นท่อนๆแล้วปลูกเป็นง่ายมากได้กินเร็ว



https://m.facebook.com/folkdoctorthailand/posts/10156087165962028






มะเฟือง

https://youtu.be/mYG0e4Xxhvo


มะละกอ

 ลูกเนียง



https://youtu.be/mYG0e4Xxhvo


ลูกลำดวน ชาวบ้านเรียกลูกดวน หลวงปู่หยิบไว้เกือบครึ่ง เรากินแล้วหวานอมเปรี้ยว รสชาดดีกว่าลูกหม่อน ลูกหว้า และลูกพิกุล มีเนื้อไม่มาก เม็ดใหญ่ 
ศ.8มิ.ย61


  • ผลลำดวน ผลเป็นผลสดแบบมีเนื้อ ออกผลเป็นกลุ่ม มีผลย่อยประมาณ 15-27 ผล ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมรี รูปไข่ หรือรูปกลม ผลอ่อนเป็นสีเขียว ผลมีขนาดกว้างประมาณ 0.5 นิ้ว และยาวประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดง และผลสุกมีสีน้ำเงินดำ มีคราบขาว ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 1-2 เมล็ด ใช้รับประทานได้ โดยจะมีรสหวานอมเปรี้ยว ส่วนก้านผลยาวประมาณ 1 เซนติเมตร โดยจะติดผลในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม

หญ้าไผ่น้ำ




https://youtu.be/mYG0e4Xxhvo


หญ้าหนวดแมว





https://youtu.be/mYG0e4Xxhvo




อ่อมแซบ

เบญจรงค์ห้าสี : แก้ปวดตามข้อ
พรรณไม้สีม่วงริมทางที่เป็นผักและสมุนไพร มีหลายชื่อเรียก เช่น อ่อมแซบ บุษบาริมทาง ตำลึงหวาน ฯลฯ พบทั่วไปข้างทาง เป็นพืชล้มลุกพุ่มเตี้ยๆ ประมาณครึ่งเมตร ปลูกเป็นไม้ประดับเรียกเบญจรงค์ห้าสี ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีเหลืองอ่อน สีชมพู สีม่วง แต่หากใช้เป็นผักใส่แกงอ่อม ผัดไฟแดง ใส่แกงจืด ซึ่งกินได้แทบทุกส่วนทั้งยอด ใบ ดอก จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าอ่อมแซบหรือตำลึงหวาน สรรพคุณทางยาสมุนไพร ใบแก้ปวดบวม แก้ปวดตามข้อ ถ่ายพยาธิ แก้หอบหืด ทั้งต้นใช้รักษาโรคข้อรูมาติซึม รากใช้แก้ผื่นแพ้ผิวหนัง ใบแก้เบาหวาน

(เครดิตภาพ : jaolay, เรือนข้าหลวง, Kan Ja เมืองกาญจน์, kochpon)

** สมุนไพรใกล้ตัว มุ่งเสนอสรรพคุณทางยา การนำไปใช้ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน **

*******************************


https://m.facebook.com/sawasdeeclinic/photos/a.780134205686306/875516212814771/?type=3&source=48


*******************************

ภัยผักผลไม้และอาหารปลอมจากจีน
อาหารปลอมที่จีน

https://youtu.be/BtEhzcwa3oY


7




เป็ดย่าง ตังเม นาเกลือ ซอสเปรี้ยว  อาหารเสฉวน


https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=887498491393363&id=161805237296029


https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1104894792893341&id=100001184910424