กินข้าวหลากหลายพร้อมกันเป็นเรื่องที่ดีกว่าเพราะอะไร
กินข้าวพร้อมกันหลายสีหลายสายพันธ์ุ ทั้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียว
เพื่อร่างกายจะได้รับธาตุหรือสารอาหารและพลังงานมากขึ้นกว่าเดิม
การแช่ข้าวหรืออาหารเมล็ดอื่นๆทุกชนิด เพื่อปลุกเม็ดพันธุ์ให้ตื่น กระบวนการของชีวิตได้ทำงาน จะได้คุณค่าของธาตุอาหาร เราจะรู้สึกถึงชีวิตชีวาและพลังที่ดีกว่า
ที่มา ไพโรจน์ อรรคสีวร.(ไพรลั่น).กิน-อยู่เพื่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า เล่ม 2.
****************************************************************************
กินให้สมดุลทั้งดินน้ำลมไฟ กินดินมากที่สุด
****************************************************************************
โยเกิร์ต
****************************************************************************
กินอยู่ดีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า เหตุผลไม่ควรกินเห็ด
40:00 กินข้าวหลายสี ใส่ข้าวเหนียวด้วย
41:00 กินถั่วหลายสี
****************************************************************************
****************************************************************************
การออกกำลังกายที่ดีคือการทำโยคะ-ท่าสุริยะนมัสการ
1:32 ยืดกระดูก จัดกระดูก
หลักสูตรสุขภาพธรรมชาติบำบัดด้วยวิธีการพ
****************************************************************************
****************************************************************************
หรือ ไพรลั่น เคยป่วยทั้งตัว ร้อยกว่าอาการ ได้แก่ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้าย เบาหวาน โรคไตเสื่อม สมองเสื่อม กระดูกพุ ไวรัสตับบี ฯลฯ ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนธรรมชาติบำบัด และเขียนหนังสือ “กิน-อยู่ เพื่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า”
ที่กล่าวถึงอาหารและแบ่งอาหารไว้เป็นสี่อย่าง แต่ในวันนี้จะกล่าวถึงอาหารคือคำข้าวหรือกวลิงกลาหาร หนึ่งในอาหาร ๔
“ อาหาร เป็นหนึ่งในโลก (อาหาโร โลโก ปฐโม โหติ) ” อาหาร ๔ หากกล่าวว่า มนุษย์กินพืชเป็นอาหาร จะกล่าวได้ว่าอาหารหลัก ของมนุษย์ คือ ข้าว ถั่ว งา หลายพันธุ์-สี
ข้าว หลายสี เป็นอาหารหลัก ของมนุษย์ (7๐ %)
งา หลากสี-สายพันธุ์ เป็นหล่อลื่นที่ต้องใช้ (1๐ %)
ไขมัน(หล่อลื่น)ที่จำเป็นและอายุยืนยาว (10%)
“ อาหาร เป็นหนึ่งในโลก (อาหาโร โลโก ปฐโม โหติ) ” อาหาร ๔ หากกล่าวว่า มนุษย์กินพืชเป็นอาหาร จะกล่าวได้ว่าอาหารหลัก ของมนุษย์ คือ ข้าว ถั่ว งา หลายพันธุ์-สี
ข้าว หลายสี เป็นอาหารหลัก ของมนุษย์ (7๐ %)
งา หลากสี-สายพันธุ์ เป็นหล่อลื่นที่ต้องใช้ (1๐ %)
ไขมัน(หล่อลื่น)ที่จำเป็นและอายุยืนยาว (10%)
นี่คืออาหารหลัก หลายท่านที่ให้ความสนใจอาหารเพื่อสุขภาพใช้แนวธรรมชาติบำบัด เลี่ยงที่จะกินเนื้อสัตว์ จะให้ความสำคัญกับอาหารนี้ อันได้แก่ ข้าว ถั่ว งา และส่วนของไขมัน(หล่อลื่น)
องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่า คนเราเกิดโรคจาก
(1) รูปแบบการดำรงชีวิตที่ไม่เหมาะสม
(2) กินอาหารที่ไม่สมดุล
(1) รูปแบบการดำรงชีวิตที่ไม่เหมาะสม
(2) กินอาหารที่ไม่สมดุล
อาหารที่เรากินนั้น หากจะถามว่า เรากินอาหารเพื่ออะไร?
คำตอบที่ได้ คือ…
(1) เพื่อการมีชีวิตอยู่
(2) เพื่อป้องกันโรค
(3) เพื่อรักษาโรค
คำตอบที่ได้ คือ…
(1) เพื่อการมีชีวิตอยู่
(2) เพื่อป้องกันโรค
(3) เพื่อรักษาโรค
การดำรงชีวิตในปัจจุบันนี้ อาหารที่ขายกันอยู่ในท้องตลาด เกือบทั้งหมดเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และนำพาโรคภัยไข้เจ็บมาสู่ผู้บริโภค เราจึงสะสมสิ่งที่เป็นโทษและอันตรายต่อร่างกายมาตั้งแต่เด็กโดยไม่รู้ตัว
เมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวที่ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ เพราะยังมีสารอาหารสะสมอยู่ในกระดูกและกล้ามเนื้อ การกินอาหารที่เป็นโทษอาจยังไม่ส่งผลต่อสุขภาพทันที เพราะร่างกายจะปรับสมดุลเองโดยอัตโนมัติ โดยการไปดึงสารอาหารมาจากกระดูกและกล้ามเนื้อตามลำดับ
แต่เมื่อใดที่สารอาหารเหล่านั้นถูกใช้หมดไป ร่างกายไม่สามารถปรับสมดุลได้แล้ว โรคภัยไข้เจ็บต่างๆจึงเริ่มทยอยปรากฏให้เห็น จะช้าหรือเร็วก็ขึ้นกับว่า เราได้กินมันมายาวนานและมากมายแค่ไหนนั่นเอง
เลยไม่ต้องสงสัยแล้วว่า ทำไมทุกวันนี้ โรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะโรคฮิตต่างๆเหล่านี้ จึงทยอยปรากฏขึ้นกับคนมากมาย รวมทั้งคนรอบๆตัวเรา จนแทบจะกลายเป็นความเคยชิน
อาหารที่เป็นต้นเหตุของโรค หากหลีกเลี่ยงได้ จะไม่มีโอกาสเป็นโรคยอดฮิตเหล่านี้เลย คือ
1) ไขมันทรานส์ (Trans fat) เป็นกรดไขมันจากการแปรรูปไขมันไม่อิ่มตัว ได้แก่ น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี มาการีน เนยเทียม ไขมันเทียม ครีมเทียม ฯลฯ
ต้นเหตุ : โรคอ้วน หัวใจ หลอดเลือด ความดัน อัมพฤกษ์ อัมพาต มะเร็ง ฯลฯ
ควรเปลี่ยนมาบริโภคน้ำมันชนิดอิ่มตัวแทน เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู น้ำมันไก่ เป็นต้น
ต้นเหตุ : โรคอ้วน หัวใจ หลอดเลือด ความดัน อัมพฤกษ์ อัมพาต มะเร็ง ฯลฯ
ควรเปลี่ยนมาบริโภคน้ำมันชนิดอิ่มตัวแทน เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู น้ำมันไก่ เป็นต้น
2) น้ำตาลทรายขาว (Refined sugar) รวมถึงสารให้รสหวานที่ผ่านกรรมวิธี เช่น น้ำตาลทรายสีน้ำตาล ไซรัป น้ำตาลเทียม ฯลฯ
ต้นเหตุ : โรคเบาหวาน โรคอ้วน ความดัน โรคไต มะเร็ง ฯลฯ
ควรเปลี่ยนมาบริโภคน้ำตาลจากธรรมชาติแทน เช่น น้ำตาลทรายแดง (โอ๊วทึ้ง) น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลโตนด เป็นต้น
ต้นเหตุ : โรคเบาหวาน โรคอ้วน ความดัน โรคไต มะเร็ง ฯลฯ
ควรเปลี่ยนมาบริโภคน้ำตาลจากธรรมชาติแทน เช่น น้ำตาลทรายแดง (โอ๊วทึ้ง) น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลโตนด เป็นต้น
3) แป้งขัดขาว (Refined carbohydrate) ได้แก่ ข้าวขาว แป้งขาว ก๋วยเตี๋ยวเส้นขาว ฯลฯ
ต้นเหตุ : โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคไต ฯลฯ
ควรเปลี่ยนมาบริโภคข้าวและแป้งที่ไม่ผ่านการขัดสีและฟอกขาวแทน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวแดง ข้าวหอมนิล เส้นก๋วยเตี๋ยวข้าวกล้อง เป็นต้น
ต้นเหตุ : โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคไต ฯลฯ
ควรเปลี่ยนมาบริโภคข้าวและแป้งที่ไม่ผ่านการขัดสีและฟอกขาวแทน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวแดง ข้าวหอมนิล เส้นก๋วยเตี๋ยวข้าวกล้อง เป็นต้น
4) สารปรุงแต่งสังเคราะห์ (Food additives) ได้แก่ ผงชูรส ผงฟู สารกันบูด วัตถุกันเสีย สีสังเคราะห์ ฯลฯ
ต้นเหตุ : โรคไต โรคตับ มะเร็ง ฯลฯ
ควรเปลี่ยนมาบริโภคสารปรุงแต่งที่ผลิตจากธรรมชาติแทน เช่น เกลือสมุทร (เกลือแกง) เป็นต้น
ต้นเหตุ : โรคไต โรคตับ มะเร็ง ฯลฯ
ควรเปลี่ยนมาบริโภคสารปรุงแต่งที่ผลิตจากธรรมชาติแทน เช่น เกลือสมุทร (เกลือแกง) เป็นต้น
5) สารเคมีและยาฆ่าแมลง (Pesticides) ได้แก่ สารอันตรายที่ปนเปื้อนอยู่ในผัก ผลไม้ และอาหาร ต้องล้างให้สะอาด หรือกินผักปลอดสารพิษ หรือผักออแกนิกส์แทน
ต้นเหตุ : โรคมะเร็ง โรคตับ โรคไต ฯลฯ
ต้นเหตุ : โรคมะเร็ง โรคตับ โรคไต ฯลฯ
การบริโภคอาหารก่อโรคทั้ง 5 ประเภทนี้ ทั้งการบริโภคโดยตรง หรือบริโภคผ่านอาหารสำเร็จรูปที่ผลิตจากอาหารดังกล่าว ได้แก่ ฟาสต์ฟู้ด ขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน เบเกอรี่ น้ำอัดลม น้ำผลไม้กระป๋อง ฯลฯ ล้วนเป็นสาเหตุของโรคฮิตต่างๆ เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไต อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคตับ เป็นต้น
ร่างกายที่แข็งแรงต้องมีสภาวะกรดด่างที่สมดุล คือเลือดมีค่า pH ในช่วง 7.35-7.45 (เป็นด่างเล็กน้อย) หากมีการเปลี่ยนแปลง pH ในเลือดเพียงเล็กน้อย จะมีผลต่อการทำงานและอาการที่ผิดปกติของร่างกาย ทั้งนี้เชื้อโรคและเซลล์มะเร็งจะเจริญเติบโตได้ดีมากในสภาวะเลือดที่เป็นกรด (pH ต่ำกว่า 7) เมื่อใดที่เลือดเป็นกรดนานเกินกว่า 21 วัน ร่างกายจะมีอาการป่วยเกิดขึ้น ในสภาวะที่ร่างกายแข็งแรงและสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายในจำนวนที่ไม่มากจนเกินไป ร่างกายจะสามารถปรับสมดุลและขับของเสียได้เองโดยอัตโนมัติ
ดังนั้น เราควรเลือกกินอาหารที่เป็นด่างให้ได้ในสัดส่วน 70-80% เพื่อให้ได้ความเป็นด่างมากกว่ากรด และได้รับสารอาหารที่ครบ
5 หมู่ อาหารจากธรรมชาติแทบทั้งหมดจะมีสภาวะเป็นด่าง ส่วนอาหารก่อโรคที่ผ่านกรรมวิธีแปรรูปตามที่กล่าวมาข้างต้น มีสภาวะเป็นกรดทั้งสิ้น
5 หมู่ อาหารจากธรรมชาติแทบทั้งหมดจะมีสภาวะเป็นด่าง ส่วนอาหารก่อโรคที่ผ่านกรรมวิธีแปรรูปตามที่กล่าวมาข้างต้น มีสภาวะเป็นกรดทั้งสิ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น