รพ.ยันฮี ดีทอกซ์ด้วยเครื่อง https://youtu.be/z49UJsECPcU
การสวนล้างลำไส้ใหญ่ใช้น้ำฉี่ หมอเขียวทำทุกวัน รู้สึกสบาย ต่อมารู้สึกว่าทำกับไม่ทำความสบายไม่ต่างกันหรือทำแล้วแรงตกก็หยุดทำ
การสวนล้างลำไส้ใหญ่ (ดีทอกซ์)
เป็นการปรับสมดุลด้วยการล้างพิษ 3 อย่าง ออก
จากลำไส้ใหญ่ ได้แก่
1. พิษของเนื้ออุจจาระที่หมักหมม
2. น้ำที่เป็นพิษอันเกิดจากทุกอวัยวะในร่างกา ย ส่ง
สิ่งที่เป็นพิษมากำจัดที่ตับ ตับก็ระบายส่งไปที่
ลำไส้เล็ก แล้วก็ส่งต่อไปลำไส้ใหญ่
3. พิษของพลังงานความร้อนที่เป็นของเสียจากทุก
อวัยวะในร่างกาย ซึ่งส่งมาระบายที่ลำไส้ใหญ่
มากกว่าที่อื่น ๆ จะเห็นได้ว่าหมอแผนปัจจุบัน ถ้าวัด
ไข้ทางทวาร เมื่อวัดอุณหภูมิได้เท่าไหร่จะต้องลบ
ออก 0.5 องศาเซลเซียส ในขณะที่การวัดไข้ในที่
อื่น ๆ ไม่ลบออก เพราะที่ลำไส้ใหญ่มีความร้อน
มากกว่าที่อื่นในร่างกายถึง 0.5 องศาเซลเซียส
เป็นการปรับสมดุลด้วยการล้างพิษ 3 อย่าง ออก
จากลำไส้ใหญ่ ได้แก่
1. พิษของเนื้ออุจจาระที่หมักหมม
2. น้ำที่เป็นพิษอันเกิดจากทุกอวัยวะในร่างกา
สิ่งที่เป็นพิษมากำจัดที่ตับ ตับก็ระบายส่งไปที่
ลำไส้เล็ก แล้วก็ส่งต่อไปลำไส้ใหญ่
3. พิษของพลังงานความร้อนที่เป็นของเสียจากทุก
อวัยวะในร่างกาย ซึ่งส่งมาระบายที่ลำไส้ใหญ่
มากกว่าที่อื่น ๆ จะเห็นได้ว่าหมอแผนปัจจุบัน ถ้าวัด
ไข้ทางทวาร เมื่อวัดอุณหภูมิได้เท่าไหร่จะต้องลบ
ออก 0.5 องศาเซลเซียส ในขณะที่การวัดไข้ในที่
อื่น ๆ ไม่ลบออก เพราะที่ลำไส้ใหญ่มีความร้อน
มากกว่าที่อื่นในร่างกายถึง 0.5 องศาเซลเซียส
แม้หมอจีน ไม่ว่าผู้ป่วยจะเป็นโรคอะไร ก็นิยมฝัง
เข็ม หรือกดจุดที่ จุดเอกู่ ตรงบริเวณกึ่งกลาง
ระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ วัดเข้ามาจากง่ามมือหนึ่งข้อ
นิ้วโป้ง เป็นจุดระบายพิษจาก ลำไส้ใหญ่ที่ดีมาก ซึ่ง
มักจะทำให้อาการไม่สบายในร่างกายไม่ว่าจะเป็น
อวัยวะใดก็ตามลดลงอย
หนัก ทำวันละ 1-2 ครั้ง ส่วนคนทั่วไปทำสัปดาห์ละ
1-3 ครั้งหรือเท่าที่ร่างกายรู้สึกสบาย พิษทั้งสาม
ประการนั้น จะเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติของร่างกาย
ทุกวัน ถ้าไม่รีบระบายออก หรือมีการหมักหมม
สะสมมากเกินไป ก็จะถูกดูดซึมกลับหรือแพร่
กระจายกลับไปทำลาย ทุกอวัยวะในร่างกาย ทำให้
ร่างกายทรุดโทรม และเจ็บป่วย ในทางตรงกันข้าม
การสวนล้างสำไส้ใหญ่(ดีทอก
และระบายพิษทั้งสามประการอ
อย่าง มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว และพลังงานของ
สมุนไพรที่ถูกกันที่เราใส่ใน ลำไส้ใหญ่ ก็จะเคลื่อน
ไปดับพิษปรับสมดุล ทุกอวัยวะในร่างกายได้อย่าง
รวดเร็ว จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
อย่างรวดเร็ว
*********************************************
ท้องผูก ริดสีดวงทวารโดยป้านิดดา
***********************************************
*************************************************
น้ำมะนาว
ดื่มตอนเช้า06-10:00 ช่วยขับเคลื่อนน้ำ เช่นขับพิษทางฉี่และอึ และเติมน้ำให้ร่างกาย อย่ากินเปรี้ยวตอนอากาศร้อนจัด ตอนเย็นคอแห้งดื่มน้ำมะนาวได้
มะนาว1ลูก น้ำตาล1/2-1ช้อนแกง เกลือเท่าเมล็ดถั่วเขียว น้ำ200ซีๆ
รำข้าว
ประโยชน์ของรำข้าว ต่อร่างกาย
- ช่วยให้ถ่ายอุจจาระคล่อง ท้องไม่ผูก และทำหน้าที่กวาดลำไส้ โดยรำข้าวจะเป็นตัวอุ้มน้ำ ทำให้อุจจาระพองตัวช่วยทำให้การเคลื่อนของอุจจาระเร็วและสะดวกขึ้น
- ป้องกันเนื้องอกในลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก
- ป้องกันลำไส้โป่ง (Diverticulosis) ป้องกันริดสีดวง ตลอดจนการเกิดไส้ติ่ง และนิ่วในถุงน้ำดี รวมทั้งป้องกันการเกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ (Coronary artery)
- การวิจัยของ ดร.แมนดารู เอส เรดดี้ (Dr.Mandaru S.Reddy) จากสถาบันเนย์เลอร์ดานา (Naylerdana) นิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่ากากใยในรำข้าวสาลีทำให้อุจจาระเป็นก้อน ทำให้กรดในถุงน้ำดี (Bile acid) เจือจางและรวมตัวกับสารต่างๆที่ช่วยเร่งการเป็นมะเร็งไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่แล้วทั้งหมดจะถูกขับถ่ายออกจากร่างกายทางอุจจาระ
- รำข้าวช่วยขัดขวางการเจริญเติบโตของเนื้องอก
แพทย์และนักโภชนาการมักแนะนำให้รับประทานรำข้าวพร้อมกับอาหารซึ่งบางท่านอาจรับประทานยาก จำเป็นต้องใช้วิธีหลอกล่อตนเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่งจะเริ่มต้นรับประทานรำข้าว คำแนะนำดังต่อไปนี้อาจช่วยได้มากคือ
- นมสด 1 แก้ว ผสมรำข้าว 1-2 ช้อนชาพูน
- ต้มกับนม คนให้ข้นแบบข้าวโอ๊ต
- โรยบนข้าวสวยร้อน
- ปนกับไข่เจียว หรือไข่ทอด หมูสับ ทอดมันกุ้ง ทอดมันปลา มะพร้าวทรงเครื่อง(อาหารภาคใต้)
- ปนกับแป้งโกกิ ชุบปลา ชุบเนื้อ ไก่ กุ้ง และปลาหมึก แล้วนำไปทอด
- ใช้แทนข้าวคั่ว ใส่ปนลงกับลาบ กับแจ่ว ปลาร้า แกงแค และผสมกับมะพร้าวคั่วใส่ข้าวยำปักษ์ใต้ ล้วนแต่ทำให้อาหารเหล่านี้หอมดีกับให้รสอร่อยมากขึ้น
**************************************************
ถ่ายเอง โดยกินน้ำมันมะพร้าว2ช.ต ตามด้วยน้ำอุ่น2แก้วสแตนเลส ไปถ่ายทันทีไม่ต้องรอ จากการล้างพิษ 4/17ม.ค57
*************************************************
อาการท้องผูกในผู้สูงอายุมีสาเหตุมากมาย เช่น เกิดจากการกลั้นอุจจาระบ่อยๆ ทำให้ประสาทลำไส้ใหญ่ส่วนปลายเสียระบบการทำงานไป เกิดจากความผิดปกติของระบบการบีบตัวของลำไส้ เนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆ เสื่อมลง เกิดจากภาวะขาดน้ำ หรือดื่มน้ำน้อย (ปกติร่างกายควรได้รับน้ำ 8-10 แก้วต่อวัน) การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ขาดการเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกาย หรือเกิดจากรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของอนุพันธ์ของมอร์ฟีน ยาที่มีส่วนผสมของธาตุเหล็กหรือแคลเซียม ยารักษาโรคหัวใจบางชนิด ยาลดกรดที่มีอะลูมิเนียม ยารักษาความดันโลหิตสูง ยาต้านโรคซึมเศร้า เป็นต้น
นอกจากนี้อาการท้องผูกที่เกิดขึ้นยังอาจมีสาเหตุมาจากโรคอื่นๆ ได้ด้วย เช่น โรคเบาหวาน โรคทางต่อมไร้ท่อ โรคของต่อมไทรอยด์ โปแตสเซียมต่ำ มีก้อนเนื้อเกิดขึ้นในลำไส้ มะเร็งลำไส้ ไตวาย โรคของกล้ามเนื้อเรียบรอบทวารหนักทำงานผิดปกติ ไส้เลื่อน
พญ.พลอย ลักขณะวิสิฏฐ์ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป
http://health.haijai.com/4274/*************************************************
นี่เป็นรายการดร.ออซ(OZ) ที่หลวงปู่พูดเมื่อเช้าว่าเป็นหมอที่เก่ง รายการมีตอน5ทุ่ม
ทีแรกคิดว่าเป็นดร.อ๊อดหมอไทย
หลวงปู่ยังแสดงให้เห็นอีกว่า“โลกะวิทู=รู้แจ้งโลก อยากรู้อะไรรู้ แต่จะรู้ไปทำไม นั้นเป็นอย่างนี้นี่เอง“
https://youtu.be/AVGtDKp8zic
ทางแก้ ดื่มน้ำให้มากขึ้นกินผักต่างๆที่มีกากและเส้นใย
อึปกติสีน้ำตาลหรือเขียว
อึสีดำและมีกลิ่นเหม็นแสดงว่ามีเลือดออกในช่องทางเดินอาหาร ควรรีบพบหมอ
อึสีแดงแสดงว่าอาจจะเป็นริดสีดวงหรือเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนล่าง แต่ก็มีอาหารที่มำให้อึมีสีแดง เราเคยกินมะเขือเทศ2ลูก ทำให้ผลตรวจอุจจาระที่สถาบันมะเร็งระบุให้เราต้องไปส่องกล้อง ชีวิตยุ่งยากทันที
*******************************************บ
http://www.songrai.com/?p=1713
สำหรับเทคนิค ทั้ง 6 ข้อในการ อึให้ดีไม่มีตกค้าง
มีดังนี้
1.อย่าอั้นอึตอนเช้า ปกติร่างกายควรขับถ่ายในช่วง ตี5 -7โมงเช้า ถ้าเลยเวลานี้แล้วร่างกายอาจส่งสัญญาณมาอีกแต่ก็ผิดเวลาสะแล้ว
2.อึให้ตรงกับเวลาเดิม เหมือนเป็นการกำหนดเวลาให้กับลำไส้เล็กให้บีบไล่อึออกมาอย่างสม่ำเสมอเท่านี้ก็จะไม่เกิดการอึตกค้างอีกต่อไป
3.รอจังหวะขณะอึ ถ้าขณะเข้าห้องน้ำและมีการถ่ายหนักอยู่ ห้ามเบ่งเด็ดขาด ลองสังเกตนะครับจะมีอาการปวดเป็นรอบๆ นั้นเป็นเพราะลำไส้เราบีบตัวเป็นคลื่นๆคล้ายกับงู ถ้าบีบมาตรงบริเวณอึก็จะปวด แต่ถ้าเราเบ่งตอนที่เราไม่ปวดจะเหมือนเป็นการ “แกล้งลำไส้” ซึ่งอาจทำให้เกิดแรงดันขึ้นมาโดยใช่เหตุและมีของแถมมาด้วยก็คือ “ริดสีดวง” นั่นเอง
4.นวดลำไส้ ถ้าเป็นเด็กให้นวดรอบสะดือ และผู้ใหญ่ให้นวดตรงท้องด้านล่างซ้ายเลยสะดือไป โดยการนวดต้องนวดเบาๆ ไปมาแล้วทิ้งไว้สักพักก็จะรู้สึกปวดท้องอึขึ้นมา
5.เอามืดกดท้องด้านซ้ายล่างขณะถ่าย หรือจะลุกขึ้นนั่งยองๆเอาหน้าขาเป็นตัวกดไล่อึออกมา อันที่จริงแล้วการอึที่ดีตามธรรมของคนนั้น คือ “การนั่งยองๆ” เพราะจะได้มีแรงกดจากหน้าขา การที่เรารับส้วมแบบนั่งจากฝรั่งมาใช้เป็นการผิดธรรมชาติของมนุษย์เพราะไม่มีแรงเบ่งอึ เนื่องจากเรานั่งในท่าห้อยขา ทำให้คนเอเชียกลายเป็นริดสีดวงและท้องผูกเหมือนฝรั่งอีกด้วย
6.ลุกขึ้นเดินไปมา การทำเช่นนี้จะทำให้ลำไส้บีบตัวได้ดี สักพักลำไส้จะบีบเอาอึส่วนท้ายๆที่เหลืออกมา จะทำให้เรารู้สึกปวดเบ่งอีกที
“ถ้าคุณอึน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์แสดงว่า คุณ ท้อง ผูก! “
นอกจากการออกกำลังกายที่ช่วยในการขับถ่าย
แล้วยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยในการล้างลำไส้ ก็คือ อาหาร มีดังนี้
แล้วยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยในการล้างลำไส้ ก็คือ อาหาร มีดังนี้
1.มะขามเปียก
2.ลูกพรุนแห้ง
ให้รับประทานทั้งผล เพราะจะได้กากใยด้วย ไม่ต้องแยกกินแต่น้ำ ยกเว้นถ้าเป็นเด็กรับประทาน
ให้รับประทานทั้งผล เพราะจะได้กากใยด้วย ไม่ต้องแยกกินแต่น้ำ ยกเว้นถ้าเป็นเด็กรับประทาน
3.แอบเปิ้ลเขียว
กินทั้งผลหรือปั่นทั้งกากก็ได้
กินทั้งผลหรือปั่นทั้งกากก็ได้
4.ถั่วดำ
จัดเป็นอาหารล้างพิษ
จัดเป็นอาหารล้างพิษ
5.สับปะรดและมะละกอ
ซึ่งทั้ง2ชนิดนี้ต่างมีน้ำย่อยช่วยกัดกากคราบโปรตีนเก่าๆ ที่ถูกย่อยไม่หมดและจะมีสภาพติดเป็นอุจจาระยางเหนียวที่คล้ายกับ “จาระบี”
ซึ่งทั้ง2ชนิดนี้ต่างมีน้ำย่อยช่วยกัดกากคราบโปรตีนเก่าๆ ที่ถูกย่อยไม่หมดและจะมีสภาพติดเป็นอุจจาระยางเหนียวที่คล้ายกับ “จาระบี”
6.ให้เลี่ยงการดื่มน้ำเย็นในตอนเช้า
โดยตอนเช้าจะให้ดื่มน้ำที่อุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่น ซึ่งขณะที่เราตื่นมาท้องของเราจะว่าง และจะช่วยให้ลำไส้บีบตัว แล้วเราก็จะปวดอึขึ้นมานั่นเอง
โดยตอนเช้าจะให้ดื่มน้ำที่อุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่น ซึ่งขณะที่เราตื่นมาท้องของเราจะว่าง และจะช่วยให้ลำไส้บีบตัว แล้วเราก็จะปวดอึขึ้นมานั่นเอง
ที่มา:teenee
พ.3 ส.ค.59 เราได้ทดลองทำแล้ว 2-3 วันที่ผ่านมา โดยตื่นประมาณตี5 ทุกเช้า แล้วดื่มน้ำที่อุณหภูมิห้องประมาณ1ลิตร ไปถ่าย ระหว่างถ่ายกดท้องด้านซ้ายใต้สะดือ จะแข็ง ถ่ายได้สบาย
พ.3 ส.ค.59 เราได้ทดลองทำแล้ว 2-3 วันที่ผ่านมา โดยตื่นประมาณตี5 ทุกเช้า แล้วดื่มน้ำที่อุณหภูมิห้องประมาณ1ลิตร ไปถ่าย ระหว่างถ่ายกดท้องด้านซ้ายใต้สะดือ จะแข็ง ถ่ายได้สบาย
**********
บุคคลที่มักท้องผูก ต้องดื่มน้ำเมื่อตื่นนอนอย่างน้อย ๓ แก้ว
นิดดา หงษ์วิวัฒน์
580913 8อ อ.นิดดา หงษ์วิวัฒน์2 https://youtu.be/F54XZz1sZ6Y
ป้านิด: ลำไส้ใหญ่เรามีหลายท่อน ถ้าเรากินกากอาหารไม่เพียงพอ มันจะเกิดการไหลในลำไส้ไม่เพียงพอ ถ้ากินเนื้อสัตว์เยอะ มันจะหนืดเหมือนยางมะตอยเกาะติดลำไส้ใหญ่ได้ ภาวะการขับถ่ายไม่ได้เป็น 10 วัน ถึงจะดีท็อกซ์ก็ไม่ช่วย เพราะอุจจาระมันอยู่ข้างบน
47:15 แต่ดีท็อกซ์มันอยู่ข้างล่าง มันไม่ออก น้ำมันละหุ่งจะช่วยได้ โดยกระแทกจากข้างบนไหลลงไป แต่เดี๋ยวนี้คนไม่กินแล้ว เขาใช้น้ำมันมะพร้าว กินวันนี้ออกพรุ่งนี้ สบาย บางคนไวมาก กินเช้าออกเที่ยง กินเที่ยงออกเย็น
47:59 นิด้า: พอเรากินน้ำมันเข้าไปปุ๊บ ถ้าน้ำมันเข้าไปเกิน ตับเขาจะส่งออกเลย ทางระบบเดียวคือระบบลำไส้ นั่นแหละเป็นสาเหตุว่ากินน้ำมันอะไรก็ตาม มันจะกระทุ้งออกลำไส้ใหญ่ แต่ต้องผ่านถุงน้ำดีขับออกทางลำไส้ เพราะตับส่งเข้ามาไม่ได้
โยเกิร์ตผลไม้+กล้วย+น้ำกะทิโดยอ.ไพรลั่น พันธุ์โลกอุดร
ทดลองกินโยเกิร์ตผลไม้+กล้วย+น้ำกะทิชาวเกาะ5ชต.+น้ำมะขามเปียก3ชต.+ขิงสับ+น้ำครึ่งหนึ่งของส่วนประกอบทั้งหมด ปั่น3รอบ รอบละ5วินาที โดยงดข้าวเย็น กินโยเกิร์ต ตามสูตรในคลิปรายการชีวิตชีวา
https://m.youtube.com/watch?v=fTa4P_ToiZs&feature=youtu.be
http://tourrao.blogspot.com/2014/07/blog-post_1051.html
อาการที่อาจเกิดขึ้นจากธัยรอยด์ฮอร์โมนต่ำ
นพ.เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์ ได้เขียนหนังสือเรื่อง “ทำไมคุณถึงป่วย เล่ม 2” ระบุว่านอกจากจะมีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงแล้ว อาจพบว่าคนเหล่านี้อาจมีชีพจรเต้นต่ำกว่า 85 ครั้งต่อนาที เพราะร่างกายมีพลังงานจากการเผาผลาญที่ต่ำ หรือบางคนอาจมีชีพจรเต้นเร็วมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที เป็นเพราะร่างกายปรับตัวเรื่องนี้ด้วยการหลั่งฮอร์โมนแอดดรีนาลินออกมาทำงานแทนธัยรอยด์ ถ้าร่างกายใช้วิธีนี้อยู่นานๆจะทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้จากการกระตุ้นเกินไปของแอดดรีนาลิน
นอกจากนี้อาการที่ยังบ่งชี้ต่อได้แก่ มือเย็น เท้าเย็น เป็นผลจากการไหลเวียนเลือดไม่ดี และถ้ามีการบวมไปที่ข้อมือ ก็จะทำให้ชาปลายตามนิ้วมือ และเวลาตื่นนอนเช้าจะกำมือได้ยาก ซึ่งอาการเหล่านี้ตามโรงพยาบาลทั่วไปจะวินิจฉัยว่า “พังผืดรัดข้อมือ” (Carpal tunnel syndrome)
บางคนมีอาการท้องผูก สาเหตุเพราะลำไส้เคลื่อนตัวช้า เนื่องจากการเผาผลาญสร้างพลังงานในร่างกายอยู่ในระดับต่ำ และอาหารจะตกค้างอยู่ในลำไส้นานกว่าคนปกติทั่วไป
และการที่มีธัยรอยด์ฮอร์โมนต่ำ ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดหัวตามมาด้วย เช่น ปวดหัวจากเอสโตรเจนสูงมากกว่าโปรเจสเตอโรนทำให้เกิดอาการปวดหัว
ในช่วงมีประจำเดือนหรืออาจเกิดอาการปวดหัวจากลำไส้ใหญ่เพราะอุจจาระค้างอยู่ในลำไส้นานๆทำให้เกิดการเน่าเสียและหมักหมมจนของเสียเหล่านี้ถูกดูดซึม
เข้าร่างกายทำให้เกิดอาการปวดหัว
นอกจากนี้อาจมีอาการซึมเศร้าและปัญหาเรื่องอารมณ์ เพราะเมื่อพลังงานในร่างกายตก การทำงานของสมองก็ผิดปกติไปได้อย่างง่ายๆ
และเมื่อการผาผลาญพลังงานไม่ดี ทำให้ภูมิต้านทานไม่ดี เกิดการติดเชื้อบ่อย เพราะปริมาณเม็ดเลือดขาวต่ำ ทำให้เป็นหวัดบ่อย หลอดลมอักเสบบ่อย เจ็บคอและต่อมทอนซิลบ่อยๆ หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย
นอกจากนั้นยังมีอาการผิวหนังและเส้นผมมีปัญหา เช่น ผิวหนังแห้ง สิว เอ๊กซีม่า สะเก็ดเงิน ผมร่วง
****************************************
เจองูกับแขกตีแขกก่อน จริงเลยยิ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศดูไว้ที่ (15.35)
ระวังถูกล้วงกระเป๋าในรถไฟใต้ดิน (24.29)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น