วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

ระวังพลาสติกห่อหุ้มอาหาร หรือแรป





ระวังพลาสติกห่อหุ้มอาหาร  หรือแรป

สำนักคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ระบุว่า หากนำไปห่อหุ้มอาหารที่มีสภาพความเป็นกรดสูง หรือมีไขมันเป็นส่วนประกอบมาก จะทำให้สารพิษจากพลาสติกออกมาปนเปื้อนอาหารได้ เพราะพาทาเลตไม่ได้ยึดติดกับโพลิเมอร์ของพลาสติก แต่แทรกอยู่ระหว่างโมเลกุลพลาสติก จึงอาจหลุดออกมาได้ ดังนั้น ไม่ควรนำไปห่อหุ้มอาหารที่ไขมันสูง เช่น เนย เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารทอด รวมทั้งเค้กที่มีหน้าครีมหรือช็อกโกแลต แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ควรบรรจุอาหารให้ต่ำกว่าปากภาชนะประมาณ 1 นิ้ว เพื่อไม่ให้พลาสติกสัมผัสอาหารโดยตรง หรือเลือกใช้พลาสติกที่ระบุว่าไม่มีสารพาทาเลต

          นอกจากนี้ยังต้องระวังการใช้พลาสติกห่อหุ้มอาหารที่มีความร้อนสูง อาหารที่มีไอน้ำ ไอน้ำมัน เพราะความร้อนอาจทำให้พลาสติกละลาย เกิดสารปนเปื้อนอาหารได้ จึงควรหลีกเลี่ยง และที่สำคัญ ไม่ควรห่ออาหารด้วยพลาสติกห่อหุ้มอาหาร แล้วนำเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟ หรืออุ่นอาหารที่ห่อด้วยพลาสติกใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นถุงพลาสติก ฟิล์มห่ออาหาร เพราะสารเคมีอาจมีโอกาสหลุดออกมาปนเปื้อนอาหารได้ อย่างไรก็ตาม หากบนฉลากพลาสติกระบุว่า เป็นพลาสติกที่ใช้กับไมโครเวฟ ก็สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ แตต้องระวังไม่ให้พลาสติกสัมผัสกับอาหารโดยตรง

          ใครที่มักใช้ภาชนะพลาสติกในการเก็บอาหาร ควรหันมาเก็บอาหารในภาชนะที่เป็นแก้วจะดีกว่า ยอมสละความสะดวกสบายเพียงเล็กน้อย เพื่อป้องกันโรคภัยอันตราย และเพื่อสุขภาพที่ดีของเรา
https://health.kapook.com/view63448.html

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

เงิน:วิธีใช้




คำสอนของหลวงปู่เชียรเกี่ยวกับการใช้เงิน

ให้แบ่งเงิน100ที่ได้มาเป็น ๔ ส่วนเท่าๆกัน
25บาท ทิ้งน้ำคือใช้ในชีวิต หมดไป
25บาท ทำทาน
25บาท ให้ลูกและญาติ
25บาท ฝังดินคือออม

“เงินเหมือนงูพิษ ต้องแบ่งเป็น4ส่วน จากเงิน100บาท
25บาท  ฝังดิน ให้พระพุทธศาสนา เป็นเสบียง ทำบุญทำทานคือเสียสละ ไม่หวังผลตอบแทน ถ้าหวังรวย ทานที่ให้จบเลย ไม่มีผล
25บาท ทดแทนบุญคุณผู้มีคุณนับจากพ่อแม่เป็นต้นไป ให้ลูกและญาติ
25บาท ออมไว้เพื่อชีวิตต่อไป ไว้ทำทุน
25บาท ทิ้งน้ำคือใช้ในชีวิต หมดไปเงินเข้าบ้านกอดไว้ไม่ให้มีแต่เรื่อง ผัวฆ่าเมีย เมียฆ่าผัว
6มิ.ย61+7/ส.14ก.ย56
************************************************



เมื่อได้เงินมา มีวิธีใช้ยังไง
1.จ่ายให้ตัวเองก่อน คือเก็บก่อนใช้เงิน เป็นการออม10%ของเงินที่ได้ 2.ลองหาดูว่ารายจ่ายอะไรที่ไม่จำเป็น เราจะพบว่าในแต่ละเดือน เงินส่วนนี้เป็นเงินก้อนใหญ่พอสมควร เอาไปเก็บด้วย
3.ทำข้อ1,2 ให้่เป็นอัตโนมัติ ไม่มีคำว่าพรุ่งนี้ก่อน ไม่งั้นจะมีเหตุเอาเงินไปใช้หมด

หมอวีระพันธ์.จ่ายให้ตัวเองก่อนเสมอ



14:51เมื่อได้เงินมา เก็บเงินไว้ให้มากที่สุด
ใช้เมื่อยามจำเป็น มิฉะนั้น ท่านจะไม่มีอะไรใช้เลย
https://youtu.be/gWMBvhAACpQ

**********************

0:37พื้นฐานคือจะต้องเก็บเงินเสมอ ไม่ว่าวัยใด เพราะโอกาสจะมาเสมอ มาได้เรื่อยๆ และมาทุกเมื่อ เราจะไม่รู้หรอกว่าโอกาสนั้นจะดีหรือไม่ดี แต่ถ้าเราไม่มีเงินไปลงทุนกับมัน เราจะไม่รู้เลยว่า โอกาสนั้นดีหรือเปล่า
แม้จะไม่ได้กำไรกับการลงทุน เราได้เรียนรู้ ได้เพื่อน
อ๋อ!มันเป็นอย่างนั้น...
ถ้าคุณไม่มีเงินเลย คุณเริ่มไม่ได้
วางแผนชีวิตแบบฟลุ๊ค. https://youtu.be/h0MuIDvTzWE


*********************************
เงินเดือน35,000

ต้องจ่าย20%=7,000
ออม,ทำทุน10%=3,500
ตามใจตัวเอง10%=3,500
ใช้ในชีวิตประจำวัน40-60%=14,000-21,000

KTB ออม,ทำทุน10%=3,500+ตามใจตัวเอง10%=3,500;=7,000

ใช้ในชีวิตประจำวัน60%=21,000+ต้องจ่าย20%=7,000=28,000
ปลาทู9,000+ตลาด8,000
เพียวริน่า6,600+ป้ามัย600
น้ำตาล500+ไฟ2,000
รวมต้องจ่าย26,700+1,300=28,000



ฟลุ๊ต.https://youtu.be/rlctkBuJa1s


************************************************


พร้อมเพย์คืออะไร

https://youtu.be/V4YgURxX07U

************************************************

การใช้เงินของธนาคาร SCB https://youtu.be/_bnLFvAne94
เรื่องสั้นขำๆ“คุณนายออม“

************************************************


อาจารย์เฉลิชัยมีหลักในการจัดสรรเงินภายในครอบครัวอย่างไร

สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าเป็นหนี้ หาได้เท่าไรก็ใช้แบบพอเพียง 
รู้จักแบ่งสันปันส่วน จะต้องมีเงินเหลือติดกระเป๋าทุกครั้ง อย่าใช้จนหมดตูด 
เวลายากจนเนี่ย หาเงินไม่ได้จริงๆ ก็อด ไม่กิน บางครั้ง ก็กินข้าวกับน้ำปลา 
พอมีเงินต้องมีเก็บและต้องไม่เป็นหนี้ 

เมื่อก่อน ประกวดผลงานได้เงินรางวัลมาหมื่นห้า แทนที่จะเอามาเลี้ยงกัน นี่ไม่เอา ไม่เลี้ยงใคร เลี้ยงเพื่อนสนิทจริงๆ สองสามคน 
อย่างเก่ง เลี้ยงข้าวสองสามร้อยบาท 
ประเภทเลี้ยงเหล้าเมาหัวราน้ำหมดไปห้าพัน อย่าฝัน ไม่ทำ 
เพราะวันข้างหน้าไม่รู้ว่าจะมีหรือเปล่า 

ตอนยากจน โคตรระวังในการใช้เงิน จะใช้เงินแบบวันข้างหน้าอาจจะอด 
พอรวยแล้วก็ยังเป็นอย่างนั้น จนกระทั่งรู้ว่าวันข้างหน้าไม่อดแล้ว 
ไม่จำเป็นต้องระวังแล้ว ก็สุรุ่ยสุร่ายขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังเก็บเงิน 
ต่อให้เที่ยวสำส่อนขนาดไหนก็มีเงินเก็บ 

ถ้าเราตาย เมียจะดูแลทุกอย่างหมด 
ไม่เคยเก็บเงินใช้ส่วนตัวแม้แต่บาทเดียว 
มีชีวิตที่เรียบง่ายที่สุด กินข้าววัด กินพร้อมลูกศิษย์ 
มันเคาะระฆังก็ไปกินกับมัน 

ไม่ใช้เงิน 
ดูแลครอบครัวก่อน 
จากนั้นทำบุญสร้างวัดหมดเลย

http://www.baanmaha.com/community/threads/42650-“ชีวิตนี้มีแต่สุข”-เฉลิมชัย-โฆษิตพิพัฒน์-quot

*********************************************



*************************************************

 เฉลียว สุวรรณกิตติ: สูตรลับเศรษฐี 

คนที่จะเป็นเศรษฐีได้จะมี 12 คุณสมบัติโดดเด่นกว่าคนทั่วไปคือ
1.เป็นคนเก่งรอบตัว  
จะต้องครบเครื่องทั้ง เก่งตน (คิดเก่ง พูดเก่ง เขียนเก่ง ฟังเก่ง และจดจำดี) คือเป็นคนหนักเอา เบาสู้ มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน เก่งคน (คนที่ห้อมล้อมตัวได้แก่ คนชั้นบน คนระดับเดียวกัน คนระดับล่าง) หมายถึง 3 ระดับคือ  คนที่เป็นเจ้านาย  เพื่อน และลูกน้อง ทำอย่างไรที่จะให้เพื่อนสนับสนุน ลูกน้องรัก หรือเจ้านายก็สนับสนุนได้และเก่งงาน (เรียนรู้งานได้เร็ว มองงานในมุมกว้าง ทำงานเป็น และทำด้วยใจรัก)คือความตั้งใจมุ่งมั่นในการทำงาน

 2.เป็นผู้รู้จักใช้โอกาสของชีวิตได้อย่างเต็มที่ 
สามารถนำเอาโอกาสเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต ไปพัฒนาต่อยอดได้ ทั้งยังสามารถสร้างโอกาสให้กับตัวเองได้ ไม่ใช่เพียงแค่รอหามันเท่านั้น  ต้องสร้างสัญชาตญาณให้สามารถจับโอกาส แล้วนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ยิ่งกว่านั้นต้องรู้จักสร้างโอกาสให้เป็นนิสัย แม้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งวันหนึ่งจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

3.มีวิสัยทัศน์และลางสังหรณ์ 
ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่ดีคือ ผู้ที่สามารถมองเห็นการณ์ไกล คาดคะเนเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำ ตรงนี้เรียกว่า ลางสังหรณ์  
ดูอย่าง “ลีกา ชิง” อภิมหาเศรษฐีจีนฮ่องกงนั่นปะไร ยุคที่คนฮ่องกงกำลังแตกตื่นเพราะอังกฤษจะคืนสิทธิการเช่าให้จีน มีผลทำให้ราคาที่ดินและที่อยู่อาศัยตกระเนระนาด เขากลับกว้านซื้อสินทรัพย์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้เอาไว้อย่างเย็นใจ ไม่นานลีกา ชิง เปลี่ยนจากเศรษฐีธรรมดากลายเป็นอภิมหาเศรษฐีระดับโลก
ปัญหาคือ เราจะสร้างวิสัยทัศน์ทำเงินอย่างลีกา ชิง ได้อย่างไร
“ต้องหัดฝึกฝนรวบรวมข้อมูลปัจจุบัน วิเคราะห์ให้เกิดเป็นภาพในอนาคต จนเกิดเป็นนิสัยกลายเป็นคนมีวิสัยทัศน์ที่ดี ไม่มีวิธีอื่น ต้องอาศัยเวลาและความอดทนฝึกฝน” เฉลียวแนะวิธีสะสมวิสัยทัศน์แบบหยอดกระปุก

4. มีนิสัยเรียนรู้และชอบศึกษาโดยไม่จำกัด 
ปริญญาไม่ได้เป็นหลักประกันว่าต้องประสบความสำเร็จในชีวิต แต่การใฝ่รู้อย่างไม่หยุดยั้งตะหากที่เป็นใบรับประกันความสำเร็จตลอดชีพ
เฉลียวชี้ว่า การเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในระบบ เศรษฐีหลายคนที่ติดอันดับโลก ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ใช้เวลาอ่านหนังสือไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน ยิ่งในยุคสมัยของอินเทอร์เน็ตด้วยแล้ว อินเทอร์เน็ตถือเป็นคลังความรู้ สำหรับคนซึ่งต้องการความก้าวหน้าในชีวิตจะละเลยไม่ได้

5.มีลักษณะผู้นำ 
หาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดบอกว่า ผู้นำทางธุรกิจยุคนี้ต้องมี 3 คุณสมบัติสำคัญคือ 1.มีความสามารถในด้าน Creativity มีความคิดสร้างสรรค์ แปลงนามธรรมให้เป็นรูปธรรมได้ 2.มีความสามารถในการกำหนด Strategy ค้นหาคำตอบต่อคำถามที่ว่าอย่างไร เพื่อดำเนินการสู่เป้าหมาย 3.สามารถสร้างให้เกิดสภาวะ Connectivity เชื่อมโยงจุดต่างๆ เพื่อให้สัญญาณเดินครบวงจรจึงจะเกิดผล

6.มีศิลปะและรู้จักใช้เทคนิคของทฤษฎีหน้าหนาใจดำ 
บางคนมองว่าเป็นคุณสมบัติที่ชั่วร้าย จนเศรษฐีและผู้นำหลายคนไม่กล้ายอมรับก็คือ ทฤษฎีหน้าหนาใจดำ คือ คนที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ไม่ให้ปรากฏทางสีหน้า มีจิตใจเข้มแข็ง กล้าตัดสินใจแม้ในเรื่องที่ฝืนความรู้สึก แต่ต้องกำกับพฤติกรรมด้วยคุณธรรม ถ้ามัวยึดแต่ประโยชน์ส่วนตน จะเจริญอย่างไม่ยั่งยืน  
หน้าหนา-ใจดำ ไม่ใช่เรื่องสอนให้ไม่มีคุณธรรม หรือเป็นพวกฉกฉวยโอกาส แต่อย่าง "หน้าหนา" นั้นหมายถึงการคุมสติได้ดี  ไม่ออกอาการทางสีหน้า ต้องนิ่งเป็น ไม่ออกอาการไม่พอใจ เสียใจให้ใครรู้  ผู้ประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจหรือการเมืองจะต้องมีคุณสมบัติข้อนี้  ส่วน "ใจดำ" หมายถึงต้องกล้าตัดสินใจในสิ่งที่ถูก  แม้จะต้องฝืนความรู้สึก เช่น เมื่อลูกน้องใกล้ชิดและสนิททำผิดต้องกล้าตัดสินใจลงโทษ ดุด่า เป็นต้น

7. รู้จักเลือกพี่เลี้ยงและผู้สนับสนุนอย่างถูกต้องและถูกจังหวะ 
การมีพี่เลี้ยง ที่เขาใช้คำภาษาอังกฤษว่า "Mentor" ซึ่งในความหมายของปัญญลักษณ์บอกว่าไม่ได้หมายถึงการวิ่งเข้าหาเส้นสาย หรือวิ่งหาผู้ใหญ่ แต่เขาค้นพบว่าคำว่า  Mentor  มีมาตั้งแต่สมัยยุคกรีก  และในฝรั่งเศสเมื่อ 300 ปีก่อนก็มีการใช้ Mentor ในสังคม แต่สำหรับเขา คำๆ นี้ หมายถึงคนที่เป็น "เพื่อนเกินเพื่อน"  "มีเศรษฐีระดับโลกหลายคนที่มีพี่เลี้ยงและมักจะถูกถามว่า  Who  is  your  Mentor หลายคนตอบว่า  My  Wife  ซึ่งคนที่จะประสบความสำเร็จได้ไม่จำเป็นต้องมี Mentor  คนเดียว แต่สามารถมีหลายคนได้"

8.มีความสามารถในการสร้างเครือข่ายใย 

9.สามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสทุกกรณี 

10.ช่างคิดและช่างทำ เป็นทั้งนักคิดและนักปฏิบัติ 

11.รู้ค่าของเงิน 

12.มีดวงดีและมีทัศนคติที่ดี
ถ้ามีเงินไม่มีความสุข ไม่มีศิลปะการใช้ชีวิต การครองชีวิต การอยู่อย่างมีมงคลชีวิต ทำประโยชน์ต่อผู้อื่น รู้จักแบ่งปันคนอื่น ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ร่ำรวยไปก็หาความสุขไม่ได้


เจ้าของประสบการณ์ที่คร่ำหวอดกับบรรดาเศรษฐีชั้นนำทั้งไทยและเทศ “เฉลียว สุวรรณกิตติ” บันทึกเอาไว้ในหนังสือเล่มที่ชื่อว่า “สูตรลับเศรษฐี” ซึ่งเป็นหนังสือเรื่องยาวเล่มแรกที่กลั่นจากประสบการณ์ทั้งชีวิต ในฐานะมือปืนรับจ้าง  เฉลียว หรือปัญญาลักษณ์ สุวรรณฯ กล่าวว่า การเขียนหนังสือเล่มนี้ก็เพื่อหวังทดแทนคุณแผ่นดิน ซึ่งจากการสังเกตและเคยทำงานในต่างประเทศหลายประเทศ ที่เคยยากจนมาก่อน แต่ปัจจุบันกลายเป็นประเทศร่ำรวย เป็นประเทศเศรษฐีกันทั้งนั้น  เป็นผลจากผู้นำที่ประกาศนโยบายว่าจะทำให้คนในประเทศร่ำรวย แต่ไม่เคยประกาศว่าจะขจัดความยากจนคนในประเทศ

ผมจะยกตัวอย่างเช่น  สิงคโปร์  เคยอยู่แบบชาวประมง  ฮ่องกง ก็เหมือนพวกสำเพ็ง เกาหลีเองก็เป็นประเทศเกษตรยากจน แต่ปัจจุบัน 4-5 ประเทศเหล่านี้กลายเป็นประเทศร่ำรวยทั้งนั้น หรือแม้แต่อินเดียก็รวยขึ้น  คนไทยมีคนรวยราว 4.5-4.6% แต่อินเดียเขามีถึง 9% ไม่พูดถึงจีนที่มีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นมากมาย  และการที่ประเทศเหล่านี้ร่ำรวยขึ้นมีเศรษฐีมากขึ้น  ก็เพราะผู้บริหารประเทศเขาประกาศว่าจะทำให้คนในประเทศเขาเป็นคนรวย ไม่ได้บอกว่าจะขจัดความยากจน เขาก็เลยมีคนรวยมากขึ้น" ปัญญลักษณ์บอกว่า  หนังสือสูตรลับเศรษฐี  ถือว่าเป็นผลงาน  Research หรือการทำวิจัยของตนเอง  และไม่ได้มุ่งหวังสะท้อนความคุณสมบัติความเป็นปัจเจกเศรษฐี หรือเจ้าสัวคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นผลจากการสังเกตใช้วิจารณญาณของเขาเอง  บวกกับการเก็บข้อมูลอีก 2-3 แหล่ง ทั้งจากการอ่านหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐีที่สะสมมาแล้วมากมาย  และการอ่านเว็บไซต์ที่ว่าด้วยเรื่องของเศรษฐีโดยเฉพาะ อ่านมามากจนกระทั่ง "ผมอ่านมามากจนกระทั่งรู้ว่าเศรษฐีเขาใช้เงินกันยังไง"  ปัญญลักษณ์เล่า  และที่สำคัญก็คือ เขาได้มีโอกาส "กระทบไหล่" เศรษฐีมาแล้วมากมาย  ทั้งเศรษฐีทั้งในและต่างประเทศ ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่า หาซื้อไม่ได้

เมื่อถามว่านิยามคำว่าเศรษฐีของเขาสำหรับคนไทยต้องมีเงินเท่าไหร่  ปัญญลักษณ์บอกว่า  จากการเก็บข้อมูลและการคำนวณของเขาพบว่า  คนที่มีเงินและทรัพย์สินตั้งแต่ 20 ล้านขึ้นไป โดยไม่นับรวมที่อยู่อาศัย ถือว่าเป็นเศรษฐีแล้ว

คุณเฉลียวดูรายการสัมภาษณ์ของโอปรา  วินฟรีย์  ที่เชิญลาร์รี่ คิง แต่เขาสลับกันให้ลาร์รี่ มาสัมภาษณ์โอปรา  ที่ถือว่าเป็นคนดำที่รวยที่สุดในโลกบ้าง  ลาร์รี่  ถามโอปราว่า ทำไมโอปราไม่เอาชีวิตที่เคยยากจน  ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง  ตอนเด็กถูกลวนลามทางเพศ  ซึ่งเป็นประวัติที่น่าตื่นเต้นมากมาทำเป็นหนังชีวิตตัวเองสักเรื่อง  โอปราตอบทันทีว่า  ไม่เอา  ฉันไม่คิดว่าชีวิตฉันจะมีใครลอกเลียนแบบได้  ซึ่งเรื่องนี้กระตุ้นให้ผมคิดว่าการเป็นอภิมหาเศรษฐีนั้น ยากที่ใครจะลอกเลียนแบบกันได้" ปัญญลักษณ์เล่า

http://oknation.nationtv.tv/blog/kadkamplaza/2007/08/19/entry-1



/////////////////////////////

สูตรออมเงินอย่างได้ผล
http://www.pattanakit.net/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%86/%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%9C%E0%B8%A5.html

//////////////////////////////////
10 ไอเดียออมเงินง่ายๆ แต่ได้ผลดี
http://www.pattanakit.net/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%86/10-%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%86-%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%B5.html




















 
 

////////////////////////////////////////////////

ออมเงินตัดชุดให้แม่วันสงกรานต์ตอน1
https://youtu.be/hJg8hRn7otA

ตอนที่2 https://youtu.be/VJEP-jjGJUw




///////////////////////////////////////








วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562

นมแพะ/โยเกิร์ต/ข้าวหมาก/เนยใส
















เนยใส


วิธีทำเนยใส(กีghee) https://youtu.be/hrd5dVAplDA



ปฏิวัติสุขภาพกับปานเทพ https://youtu.be/vi41OpaECkA

ปานเทพ/โรคผอมเหลือง คล้ายกับโรคปัจจุบันคือตับอักเสบ เนยใสคล้ายกับน้ำมันมะกอกที่มีกรดสายยาว ถ้าดื่มไปจะล่อน้ำดีออกมามากๆ คล้ายกับน้ำมันมะกอก ที่เอาไปล้างพิษตับ เพื่อล่อน้ำดีออกมา...
เมื่อพระเจ้าปัชโชติราชาดื่ม จึงหลั่งน้ำดีออกมาจำนวนมาก เพื่อมาย่อยไขมันสายยาวๆ โดยมีอาการเรอ

 ปานเทพ/ https://youtu.be/HxocFkG_mis

ปานเทพ/เนยคือผลิตภัณฑ์นมชนิดหนึ่ง ที่ได้จากการปั่นนม เพื่อแยกเอาไขมันนมออก เพื่อนำมาแปรรูปเป็นเนย ซึ่งมีไขมันมากกว่า80%  มีน้ำไม่เกิน16 % เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าให้กินไขมันที่มาจากเนย ไม่ใช่โปรตีนและน้ำตาลในนม  ที่คนส่วนใหญ่แพ้
เนยมีสีเหลืองเพราะมีบีตาแคโรทีน ไขมันนมมีกรดไขมันสายสั้นบางส่วน ซึ่งกระตุ้นพลังงานแก่ตับ  ไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงของโรคหัวใจ

ไขมันจากเนื้อสัตว์ ยิ่งกินมากยิ่งมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
แต่ไขมันจากผลิตภัณฑ์นม เนย ชีส ยิ่งกินมากยิ่งมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจน้อยลง
ไม่แปลกใจที่พรพะพุทธเจ้าให้ฉันเนยใสเป็นยาได้
 สมัยพุทธกาล วัวกินหญ้า ไม่ได้กินถั่วเหลือง และเป็นหญ้าที่ขึ้นในประเทศที่มีอุณหภูมิเย็นๆ เช่นสวิส จึงมีโอเมก้า3 หรือไขมันที่ทำให้หลอดเลือดอิ่มตัว ลิ่มเลือดละลายตัว ลดการอักเสบ กลายเป็นว่าเนยที่มีประโยชน์จะได้มาจากวัวที่กินหญ้า




ข้าวหมาก โดยหมอปุ้ม




















https://youtu.be/iOm3S66wy6M

ข้าวหมากเพชรบุรี

อา.27ตค.62 โลตัสอุทุมพรถุงละ24 บิ๊กซีศก.ถุงละ25



https://www.tops.co.th/th/petchaburi-fermentd-rice-200g-8853257001113





 ภญ.ดร.สุภาภรณ์ อธิบายต่อว่า ในอดีตเชื่อว่า ข้าวหมากจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการการเจริญเติบโตในเด็กให้ดีขึ้น จึงต้องกินตอนเช้าเพื่อเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายอบอุ่น และกระตุ้นให้แบคทีเรียภายในร่างกายทำงาน โดยเฉพาะในเด็กที่ไม่แข็งแรง เหงื่อออกง่าย อ่อนเพลีย ตัวสั่น ก็มักจะให้กินข้าวหมาก และในผู้ใหญ่ที่เป็นไข้ ไม่มีแรง ผอมแห้ง หมอยาพื้นบ้านก็จะแนะนำให้คนไข้กินข้าวหมากกับน้ำต้มเคี่ยวของแก่นขี้เหล็ก 

  ข้าวหมากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการหมักจุลินทรีย์กลุ่มแบคทีเรียแลคติก (lactic acid bacteria หรือ LAB) เช่นเดียวกับ ปลาหมัก ถั่วหมัก ผลไม้หมัก ขนมปังเปรี้ยว ลูกอม นมถั่วเหลือง 
      จากการศึกษาหลายการศึกษาพบว่าจุลินทรีย์เหล่านี้มีประโยชน์ ต่อสุขภาพหลายประการ ได้แก่ ช่วยรักษาสมดุลในระบบทางเดินอาหาร เช่น ช่วยลดการเกิดอาการการแพ้ น้ำตาลแลคโตส (lactose intolerance) โดยผู้ที่มีอาการนี้ร่างกายจะไม่สามารถผลิตเอนไซม์แลคเตส ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยน้ำตาลแลคโตส ส่งผลให้เมื่อดื่มนมจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย แต่เมื่อดื่มนม ที่มีการหมักด้วย LAB อาการแพ้นมจะลดน้อยลง การช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรค (pathogenic micro-organism) ในระบบทางเดินอาหาร โดยป้องกันการสัมผัสระหว่างเชื้อก่อโรคกับผนังลำไส้ และยังช่วยสารที่ยับยั้ง การเจริญเติบโต เช่น กรดแลคติก กระอะซิติก คาร์บอนไดออกไซด์ กรดไขมันสายสั้น ไฮโดรเจนเปออกไซด์ (hydrogen peroxide) การทำงานของจุลินทรีย์นี้จะแตกต่างจากการทำงานของยาปฏิชีวนะ (antibiotic) เนื่องจากยาปฏิชีวนะ จะเน้นทำลายจุลินทรีย์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นจุลินทรีย์ที่ดีหรือไม่ดี แต่โปรไบโอติกจะเป็น การสร้างจุลินทรีย์ที่ดีให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อลดการทำงานของจุลินทรีย์ที่ไม่ดีและให้โทษต่อร่างกาย นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยระบุถึงคุณสมบัติของการบริโภค LAB ต่อการช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน การช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลรวมในเลือด การช่วยลดความดันโลหิต รวมทั้งลดการเกิดอาการท้องเสีย 
      จากการวิจัยคุณสมบัติด้านโปรไบโอติกของแบคทีเรียที่แยกจากข้าวหมาก โดยคุณธนิฏฐา เที่ยงแท้ และคณะ พบว่าแบคทีเรียที่แยกได้จากข้าวหมากมี 1 ใน 8 สายพันธ์ที่ทำการศึกษา มีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับคุณสมบัติของโบรไบโอติก คือ สามารถผลิตเอนไซม์คะตาเลส เจริญได้ที่ pH 2.5 และมีความทนต่อสภาวะของน้ำดี ผลการวิจัยบ่งชี้ได้ว่าแบคทีเรียที่พบในข้าวหมากสามารถเจริญในระบบทางเดินอาหารและมีผลต่อกิจกรรมโปรไบโอติกได้ 

การทำข้าวหมากในแต่ละประเทศคล้ายคลึงกัน คือมีข้าวเหนียว ลูกแป้งหรือยีสต์ ซึ่งหากหมักไว้นานเกินหนึ่งอาทิตย์ขึ้นไป ก็จะพัฒนาเป็นแอลกอฮอล์มากขึ้น ทำเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (Rice Wine) ไทยเราจะเรียกสาโท ซึ่งก็คือประเภทเดียวกับสาเก ของญี่ปุ่น และมักโกลี ของเกาหลี ที่ผลิตจากข้าวเหนียว


ในอดีตคนไทยเรายังเชื่อกันว่า ผู้หญิงควรกินข้าวหมาก เพราะข้าวหมากเป็นยาร้อน ช่วยบำรุงเลือดลมสตรี ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดสิวฝ้า ทำให้หน้าเนียนใส 



เอาข้าวหมากมาเป็นส่วนประกอบของอาหารได้หลายชนิดเช่น มาใส่ในน้ำพริก มาใส่ในเครื่องต้มยำ หรือทำเป็นยำ นอกจากนี้ยังสามารถนำมารับประทานเป็นของหวานได้เช่น รับประทานคู่กับไอศกรีม โยเกิร์ต ใส่ในขนมกระทิน้ำแข็งใส ก็จะทำให้สามารถรับประทานข้าวหมากได้ในหลากหลายรูปแบบ
จุลินทรีย์โปรไบโอติกส์นอกจากในรูปแบบที่อยู่กับอาหารแล้วในปัจจุบันยังมีอีกหลายรูปแบบเช่น แคปซูล ผงผสมกับเครื่องดื่ม ลูกอม หรือแม้แต่เครื่องดื่มหลากหลายประเภทที่มีการเติมจุลินทรีย์โปรไบโอติกส์เข้าไป หากต้องการได้รับประโยชน์จากจุลินทรีย์โปรไบโอติกส์สูงสุดแล้วควรรับประทานอาหารที่มีจุลินทรีย์โปรไบโอติกส์ร่วมกับพรีไบโอติกส์ซึ่งเป็นสารอาหารที่ไม่ถูกย่อยในร่างกายคนเรา แต่จะเป็นอาหารที่ช่วยให้จุลินทรีย์โปรไบโอติกส์มีการเจริญเติบโตและทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย อาหารที่เป็นแหล่งของพรีไบโอติกส์เช่น ธัญชาติต่างๆ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วดำ หน่อไม้ฝรั่ง กล้วย กระเทียม เป็นต้น ดังนั้นหากเรารับประทานข้าวหมากในแบบไทยแล้วก็ควรที่จะรับประทานอาหารที่มีพรีไบโอติกส์ร่วมด้วยเพื่อที่จะได้รับประโยชน์เต็มที่

ข้อมูลจาก ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
https://med.mahidol.ac.th/ramachannel/old/index.php/knowforhealth-20140815-3/


กระบวนการหมัก โดยการนำข้าวเหนียวนึ่งมาหมักกับ รา และยีสต์ ในรูปของ “ลูกแป้ง” ราและยีสต์จะเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล หรือเป็นแอลกอฮอล์เล็กน้อย ข้าวที่หมักออกมาจะมีลักษณะยุ่ย นุ่ม มีรสหวาน และมีกลิ่นหอม เพราะมีแอลกอฮอลล์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แป้งข้าวหมากจึงไม่จัดว่าเป็นของหวานมึนเมา และไม่ใช่ ‘เชื้อสุรา’
สำหรับ ข้าวเหนียวที่ใช้มาทำ ข้าวหมาก จริงๆ สามารถหมักได้ทั้งข้าวเหนียวขาว และดำ แต่ส่วนมากเรามักจะเห็นว่าข้าวเหนียวขาวเป็นที่นิยมมากกว่า

ประโยชน์ดีๆ จาก ข้าวหมาก

– มีแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ หรือที่เรียกกันว่า โพรไบโอติกส์ (Probiotics) แบบในนมเปรี้ยว
– ช่วยให้ร่างกายผลิตกรดอินทรีย์ช่วยในการขับถ่าย ทำให้กระดูกและเม็ดเลือดแข็งแรง
– มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกำจัดสารก่อมะเร็ง กำจัดไวรัส
– ลดอาการอักเสบ แก้อาการท้องเสีย
– ช่วบบำบัดโรคเรื้อรังต่างๆ อาทิ โรคกระเพาะอาหาร โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ภูมิแพ้ แผลสด เป็นต้น
– ยังอุดมไปด้วยธาตุสังกะสี ช่วยบำรุงเลือด ทำให้ผิวพรรณสดใส ไม่เป็นสิวฝ้า
– ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตให้กับเด็ก
– แก้ปัญหาวัยทอง ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม บอกว่า แป้งข้าวหมักไม่ใช่สุราในตัวเอง เพราะฉะนั้นจึงถูกศาลรัฐธรรมนูญ 8:6 ให้ถอดแป้งข้าวหมาก ออกจาก พ.ร.บ.สุราฯ ระบุละเมิดภูมิปัญญาชาวบ้าน และการประกอบอาชีพ
https://today.line.me/th/article/ประโยชน์ของ+ข้าวหมาก+ดีต่อสุขภาพ+ของดีมีมาแต่โบราณ-DGeX3W


ข้าวหมากเป็นอาหารที่คนโบราณคิดค้นกระบวนการหมักจนได้แบคทีเรียและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ หรือโปรไบโอติก ที่นมเปรี้ยวในปัจจุบันนำมาเป็นจุดขาย
“แต่ข้าวหมากมีประโยชน์มากกว่า เพราะไม่ใช่แค่โปรไบโอติก ยังช่วยให้ร่างกายผลิตกรดอินทรีย์ช่วยในการขับถ่าย ทำให้กระดูกและเม็ดเลือดแข็งแรง ปรับความสมดุลให้กับแบคทีเรียในร่างกาย ช่วยให้การเผาผลาญปกติ และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกำจัดสารก่อมะเร็ง กำจัดไวรัส ลดอาการอักเสบ แก้ท้องเสีย โรคกระเพาะอาหาร โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ภูมิแพ้ โรคตับอักเสบ โรคตับ แผลสด แผลพุพอง แผลเน่าเปื่อย และยังอุดมไปด้วยธาตุสังกะสี ช่วยบำรุงเลือด ทำให้ผิวพรรณสดใส ไม่เป็นสิวฝ้า”




********************************************************************




เรื่ององของข้าวหมาก(ตอนที่๑)

                                  " ข้าวหมาก(ข้าวก่ำ) "  โปรไบโอติค ของไทย
                                         จากข้าวเหนียวดำกล้อง อินทรีย์
                                  ข้าวหมากหวาน คือ หยุดที่หวานไม่เกิดส่าเหล้า
                   
                             ๑.  ภาค คุณประโยชน์ของ "ข้าวเหนียวดำ (ข้าวก่ำ)"

     โบราณว่าไว้ "ลมหนาวมากินข้าวสีเข้ม ทำให้กายอุ่น  ลมร้อน,ลมฝนมากินข้าวสีอ่อน ทำให้กายแข็งแรง"
ข้าวสีเข้มหมายข้าวเหนียวดำ  ข้าวสีขาวหมายข้าวเจ้าขาว,ข้าวเหนียวขาว
     หลายศตวรรษมาแล้วข้าวเหนียวดำถือเป็นข้าวต้องห้าม เช่นในประเทศจีนโบราณ ขุนนางผู้ใหญ่,เจ้านายและฮ่องเต้เท่านั้นจึงเสวยได้ สามัญชนห้ามกินเพราะเป็นสิ่งหายากมีรสอร่อยมีสรรพคุณทางยาจีนมากนัก เช่น
ห้ามโรคหัวใจ,ห้ามโรคมะเร็ง,ห้ามความดันขึ้นบน,ทำให้ลมและโลหิตไหลเวียนดี เป็นต้น
      ข้าวเหนียวดำ หรือข้าวก่ำ ชาวนาไทยแต่ก่อนมาจะนิยมปลูกไว้ตามหัวไร่ปลายนาด้วยเชื่อว่า ข้าวหลักในนาจะไม่มีศัตรูโรคและแมลงมารบกวนได้ อีกทั้งหมอยาพื้นบ้านยังใช้รักษาโรคท้องร่วง โรคผิวหนัง ป้องกันการตกเลือดหลังคลอดของสตรี  สำหรับการแพทย์แผนไทย หากเข้าลมหนาวมา เข้าเขตไข้หัวลม หรือช่วงลมปลายไข้ หมอไทยจะให้คนไข้ปรุงอาหารหรือขนมที่ทำจากข้าวเหนียวดำกิน เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น และแข็งแรงได้เร็ว ภูมิต้านทานในกายแข็งแรง หมอไทยเรียก "แรงต้านโรค"จะสูง โรคไม่เข้ากลับซ้ำเช่น ขนมจาก/ข้าวหลาม/ข้าวเหนียวเปียก/    ข้าวหมากเป็นต้น แต่ต้องทำจากข้าวเหนียวดำเท่านั้น นอกจากนั้นยังช่วยบำรุงเลือด บำรุงธาตุให้บริบูรณ์อีกด้วย
      ในทางปัจจุบันยังกล่าวว่า ข้าวเหนียวดำเปรียบได้กับสุดยอดอาหารสุขภาพ หรือคือยาเมล็ดเล็กๆนั่นเอง จาก
ผลการวิจัยถึงคุณประโยชน์ของข้าวเหนียวดำพอสรุปได้ดังนี้

     ๑   สามารถลดหรือเพิ่มระดับของHDLในร่างกายได้
     ๒   เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของต่อมใต้สมอง
     ๓   ยับยั้งการหลั่งกรดที่มากเกินไปในกระเพาะอาหาร
     ๔   ทำให้เลือดใส ไม่เกาะตัวรวมกันของเกล็ดเลือด
     ๕   ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เพิ่มระดับอินซูลินในผู้ป่วยเบาหวาน
     ๖   ช่วยการหมุนเวียนของโลหิต ชะลอการเสื่อมไปของเซลล์
     ๗   ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
     ๘   ทำให้ร่างกายดูดซับธาตุจากสารอาหารได้ดียิ่งขึ้น
     ๙   เสริมสร้างเม็ดเลือดแดง
    ๑๐  มีธาตุสังกะสีในปริมาณที่สูง ทำให้อสุจิแข็งแรง ทำให้ระบบสืบพันธ์ของเพศชายดี
    ๑๑  ช่วยทำให้นอนหลับได้ดี
    ๑๒  ช่วยบำรุงสมอง บำรุงระบบประสาท
    ๑๓  ช่วยระบบการย่อยอาหาร
    ๑๔  ฯลฯ
_______________________

                                        ๒. ภาค  คุณประโยชน์ของข้าวหมาก

     ข้าวหมาก คือข้าวเหนียวที่ถูกแปรสภาพให้หวานโดยผ่านขั้นตอนการหมักดอง เป็นกรรมวิธีของคนไทยแต่โบราณในการแปรสภาพของข้าวให้เป็นของหวาน ทั้งอร่อยและได้สุขภาพกินหวานเป็นยา ช่างชาญฉลาดยิ่งนัก ข้าวหมากโบราณมีสองรสคือรสหวานอมเปรี้ยว และเปรี้ยวอมหวาน ให้ความอร่อยลิ้นต่างกันให้สรรพคุณ
ทางยาต่างกัน คนโบราณจึงเลือกใช้คุณประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมโดยใช้รสแยกสรรพคุณที่ต้องการ อันนี้ยิ่งเป็นภูมิปัญญาที่ล้ำลึกนัก
     ข้าวหมากรสหวานอมเปรี้ยว  หวานโบราณว่าซาบเนื้อคือให้พลังงาน เปรี้ยวดีต่อระบบน้ำในร่างกาย
เมื่อหวานนำรสเปรี้ยว สรรพคุณ บำรุงระบบน้ำในร่างกาย เช่นบำรุงน้ำเลือด บำรุงน้ำเหลือง เป็นต้น แต่หากรสเปรี้ยวนำรสหวาน สรรพคุณจะถูกเปลี่ยนเป็น ขับเลือดเสียหรือน้ำเหลืองเสียแทน  คนไทยแต่โบราณจึงเลือกที่จะบำรุงหรือขับออกแล้วแต่อาการที่เป็น สรรพยาของข้าวหมากเกิดได้ด้วยสรรพคุณของข้าวเหนียวซึ่งนำมา
ผ่านขั้นตอนการหมักดองโบราณว่าจะทำให้เกิดเชื้อดีไปไล่เชื้อร้าย ถ้าเป็นหมอไทยเมื่อนำเครื่องยาไปผสมกับน้ำกระสายยาแล้วหมักไว้จนเกิดราสีเหลืองเรียกวิธีนี้ว่า "สัมพหุลาเหลือง"  ข้าวหมักหรือข้าวหมากก็เช่นเดียวกัน เมื่อผ่านขบวนการหมักจึงได้สรรพคุณทางยาด้วยและได้แบบเพิ่มขึ้นมากขึ้นจากเดิมอีก
     โบราณว่่า ข้าวเหนียวสีดำ มีประโยชน์มากกว่าข้าวเหนียวสีขาว แต่สีคล้ำกินแล้วร้อนกินมากไม่ดี เข้าหน้า   ร้อนไม่กิน กินดีหน้าหนาว ข้าวหมากก็เช่นเดียวกัน กินให้ถูก ดีต่อร่างกาย กินมากส่งผลเสียทันที แล้วกินให้ถูก     กินอย่างไร ให้กินเมื่อ
     ๑ กินเมื่อเพลียเมื่อเหนื่อย   ๒ กินเพื่อฟื้นไข้ฟื้นป่วย   ๓ กินเพื่อให้แข็งแรงไม่ป่วยง่าย   ๔ กินเพื่อให้เลือดลมวิ่งดี   ๕ กินเมื่อปวดเมื่อยตามเนื้อตัว   ๖ กินเมื่อหนาวสะท้าน   ๗ ให้เด็กกินโตเร็วแข็งแรง   ๘ กินเมื่อเข้ายามชรา   ๙ กินเมื่อท้องผูกบ่อยๆ   ๑๐ กินเมื่อเลือดเสีย น้ำเหลืองเสีย  ๑๑ กินแล้วช่วยย่อยอาหาร  ๑๒ กินแล้วลำไส้ใหญ่สะอาดลดอาการลำไส้ใหญ่อักเสบ
     และให้กินเพียง ๑ ห่อ หลังข้าวเย็น ดีแล้วให้หยุดกิน กินต่อกำเดาอุ่นกายจะกำเริบ ท้องอืดเฟ้อเรอ เวลามีไข้ตัวร้อน ลมร้อนมา  ช่วงร้อนในกระหายน้ำ โบราณว่า ห้ามข้าวหมาก
     เมื่อข้าวเหนียวดำอันมากคุณประโยชน์กลายเป็น "ข้าวหมาก ข้าวเหนียวดำ" สรรพคุณย่อมทับถมทวีคูณ
ด้วยภูมิปัญญาแห่งบรรพชนไทยอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีผู้ใดเหมือน แต่ไม่หมดเพียงเท่านี้ ส่วนที่เรียกว่าเชื้อทำข้าวหมาก ถูกปรุงผสมหัวเชื้อด้วยสมุนไพรไทย อาทิ ขิง,ข่า,อบเชยเทศ,ดีปลี,ชะเอม,พริกไทย,กระเทียม
ล้วนมีรสร้อน สรรพคุณขับลม เหมาะกับผู้อยู่อาศัยในเขตถิ่นประเทศร้อน ด้วยอาการมักเกิดแต่ลมเป็นเหตุ
และด้วยเหตุนี้ ____"ข้าวหมากจึงมีรส ร้อนหวาน  ห้ามกินกับผลไม้รสร้อนเช่น ลำไย ทุเรียน เด็ดขาด"____
     โบราณมีวิธีกินข้าวหมากอีก ข้าวหมากมักกินกับข้าวเหนียวตัด จิบด้วยน้ำข้าวเหนียวดำคั่วเตยหอม ร้อนๆ     (ชาข้าวเหนียวก่ำ) ดั่งคำ" เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย " ช่างละเมียดละไมเสียนี่กระไร รสสัมผัสในช่องปากจะครบรส
เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม อยากที่จะหาขนมใดครบรสได้ถึงเพียงนี้  แถมยังหอมด้วยชาข้าวก่ำผสมดอกไม้หอม
   ________________________

                                        ๓. ภาค   วิธีทำข้าวหมาก (สูตรโดยทั่วไป)
                                                 
1.  ข้าวเหนียวอย่างดี พันธ์เขี้ยวงู หรือ พันธ์อื่นๆก็ได้ และต้องเป็นข้าวเหนียวเก่า ไม่ใช้ข้าวเหนียวใหม่ เหตุเพราะ      นึ่งมาแล้วทำข้าวหมากข้าวจะไม่สวย จะดูเละ
2.  ล้างข้าวเหนียวและแช่น้ำค้างคืนหรืออย่างน้อยประมาณ 6 ชั่วโมง สำหรับข้าวเหนียวเก่า ถ้าเป็นข้าวเหนียวดำ แช่อย่างน้อย 10 ชั่วโมง
3.  เอาขึ้นจากน้ำ สะเด็ดน้ำรองด้วยผ้าขาวบาง นึ่งด้วยซึ้ง หรือหวดก็ได้แล้วแต่ความถนัด (ตั้งน้ำให้เดือดก่อน ค่อยนึ่งข้าวเหนียว)
4.  นึ่งจนข้าวเหนียวสุกทั่วถึงกัน ประมาณ20-30 นาที หรือให้พอสุก อย่านึ่งจนสุก จะทำให้ข้าวหมากเละ หรือแฉะ ทำข้าวหมากแล้วจะเปรี้ยว ข้าวเหนียวเก่าจะนึ่งนานหน่อย25-30นาที นึ่งได้สัก15นาที พลิกข้าวเหนียวกลับ จากบนลงล่าง เหตุผลเพราะว่า ข้าวข้างบนยังไม่สุก พลิกกลับเพื่อให้สุก
5.  หลังจากนึ่งเสร็จแล้วนำไปผึ่งข้าวให้เย็น 10-20นาที ห้ามนำไปล้างน้ำ คือผึ่งให้เย็นก่อน ถ้ารีบนำไปแช่น้ำ ข้าวเหนียวจะเละทันที ทำข้าวหมากจะไม่อร่อย แล้วพลิกกลับไม่ให้ข้าวเหนียวแห้ง
6.  นำมาล้างด้วยน้ำสะอาด 3-4ครั้ง ห้ามใช้น้ำประปา จะมีคลอรีน หรือใช้ได้ โดยนำน้ำประปาใส่ถังทิ้งไว้3-4 วัน เพื่อให้หมดคลอลีน หรือใช้น้ำปูนใส น้ำปูนใสคือปูนแดง นำมาละลายน้ำ โดยปูน 1-2 ช้อน น้ำ1-2 ลิตร คนให้ทั่ว ทิ้งไว้ให้ตกตะกอน นำน้ำส่วนบนมาใช้ ที่ไม่มีตะกอน มาล้างข้าวเหนียว จากการที่เราใช้น้ำปูนใสในการล้างข้าว ข้าวจะหมดยางดีกว่าน้ำเปล่าที่ใช้ล้าง และเมล็ดข้าวจะเรียงเมล็ดดีกว่า ข้าวไม่เละ และข้าวจะกรอบน่ารับประทาน
7.  ล้างเสร็จแล้ว นำมาผึ่งให้แห้ง 30-60 นาที แล้วแต่อากาศ คือให้สะเด็ดน้ำแห้งมากที่สุด เพราะถ้าข้าวเปียกหรือแฉะจะมีเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ข้าวหมากเปรี้ยวได้ง่าย
8.  นำไปใส่ภาชนะที่แห้ง ถาดหรือ แผ่นพลาสติก เกลี่ยข้าวให้กระจายหนาเท่ากัน แล้วคลุกลูกแป้งข้าวหมาก บดละเอียดแล้วให้สม่ำเสมอเบาๆ(ใช้ลูกแป้ง 1 ลูก ต่อข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม)
9.  บรรจุใส่ภาชนะที่แห้งและสะอาด เช่น กล่อง หรือห่อใบตองให้ข้าวเรียงตัวกันหลวมๆไม่กดแน่น ไม่ควรหนามาก และให้มีที่ว่างเหนือภาชนะเพื่อให้มีอากาศเพียงพอ
10. นำไปบ่ม โดยคลุมด้วยผ้าขาวบาง อากาศหนาวก็คลุมผ้าหนาๆหน่อย ประมาณ 3 วัน 2คืน ถ้าต้องการหวาน ก็ 3 วัน 3 คืน ถ้าอากาศหนาวจัดก็ต้องบ่ม 3วัน 4 คืน    เก็บเข้าตู้เย็นถ้ายังไม่รับประทาน เพื่อที่จะหยุดหวานไว้เท่านี้ กับหยุดการเกิดซ่าเหล้าเก็บไว้ได้นาน 1 อาทิตย์

                                                 การเสียของข้าวหมาก
     การทำข้าวหมากเป็นวิธีที่ง่ายแต่การทำข้าวหมากให้มีคุณภาพดี ทำได้ไม่ง่ายนัก เพราะข้าวหมากที่ได้บางครั้ง มีกลิ่นรสไม่ดี รสไม่หวานเท่าที่ควร มีรสเปรี้ยวมาก ข้าวหมากมีน้ำมากเกินไป เมล็ดข้าวไม่สวย บางครั้งมีสีแดง หรือมี สปอร์ราสีดำ หรือสีน้ำตาลเกิดขึ้น

                                             สาเหตุจากขั้นตอนการปรุง
     สาเหตุจากข้าวและวิธีการเตรียมข้าวสำหรับหมัก ไม่เหมาะสม ทำให้ข้าวหมากรสไม่หวานเท่าที่ควร และมีรสเปรี้ยวอยู่มากข้าวแฉะเมล็ดไม่สวย สาเหตุต่างๆเหล่านี้ ได้แก่
      1 พันธุ์ข้าวที่ใช้และคุณภาพของข้าวไม่ดี
      2 นึ่งข้าวนานเกินไปทำให้ข้าวนึ่งเละ เมื่อล้างน้ำทำให้ข้าวเหนียวแฉะ
      3 ข้าวที่นึ่งสุกไม่ทั่วถึงทำให้ข้าวหมากแข็งเป็นไตภายในเมล็ดข้าว เนื่องจากแช่ข้าวเหนียวไม่นานพอหรือ        นึ่งเร็วเกินไป
      4 ล้างข้าวขณะที่ข้าวยังร้อนอยู่ทำให้ข้าวเหนียวแฉะ
      5 คลุกลูกแป้งกับข้าวเหนียวขณะที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ ทำให้ความชื้นของข้าวสูง เกิดการเปรี้ยวเนื่องจากเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย
                                             สาเหตุจากลูกแป้งข้าวหมาก
      1 ลูกแป้งเก่าเกินไป เชื้อข้าวหมากส่วนใหญ่ตายไปแล้ว ทำให้ใช้เวลาหมักนานขึ้น ข้าวหมากมีกลิ่นไม่ค่อยดี รสหวานน้อย และเสียได้ง่าย
      2 ลูกแป้งไม่ดี ลูกแป้งเสีย มีเชื้อรา และยีสต์ปนเปื้อนมาก ทำให้ข้าวหมากเปรี้ยวหรือมีกลิ่นรสผิดไปจากปกติ
      3 ใช้ลูกแป้งน้อยเกินไป ได้ข้าวหมากช้า เนื้อข้าวไม่ฟูนิ่มตลอด เมล็ดข้าวมีสีไม่น่ารับประทาน ออกสีน้ำตาลมาก
      4 ใช้ลูกแป้งมากเกินไป ข้าวหมากได้ที่เร็วเกินไป เก็บไว้ได้ไม่นาน มีกลิ่นของเครื่องเทศแรงเกินไป
                                                สาเหตุแห่งน้ำและอื่นๆ
     สาเหตุจากน้ำและภาชนะที่ใช้ไม่สะอาด ถ้าน้ำที่ใช้และภาชนะที่ใช้ไม่สะอาด จะทำให้เกิดการเสียของข้าวหมากขึ้นได้ นอกจากนี้ การเลือกใช้น้ำ คุณภาพดี จะมีผลดีต่อคุณภาพของข้าวหมากที่ได้ เพราะคุณสมบัติและองค์ประกอบทางเคมีของน้ำ มีผลต่อรสชาติและคุณภาพของข้าวหมาก ไม่ควรใช้น้ำประปา ใช้น้ำฝน หรือน้ำบ่อ ถ้าต้องการใช้น้ำประปาจริงๆ เป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ใส่ถังทิ้งไว้3-4 วัน ถึงจะใช้ได้ เพื่อให้หมดคลอรีน
_______________________
     ข้าวหมากต้องใช้ ๑ ใช้ศิลปะในการปรุง ๒ ใช้รสมือ ๓ ใช้ความชำนาญ ๔ ต้องสะอาดมากทุกขั้นตอน  เห็นวิธีปรุงแล้วดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่ายเลย  หันกลับมาหาภูมิปัญญาของเก่าที่ไม่เคยเก่า เวลาที่ผ่านมายังไม่ผ่านเลย คุณค่าข้าวหมากไม่เคยเปลี่ยนแปลง อร่อยลิ้นมากคุณประโยชน์ เป็นทั้งขนมเป็นทั้งยา สุดยอดภูมิปัญญาไทย
                                           วิธีทานข้าวหมากให้อร่อย
                " ข้าวหมาก" (ข้าวก่ำ)แนมกับ "ข้าวเหนียวดำตัด" จิบตามด้วย "ชาชงข้าวก่ำ"
                             ความอร่อยลิ้นอันทรงคุณประโยชน์ต่อร่างกาย
_______________________

17มิ.ย2554
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 : 6 ให้ถอดแป้งข้าวหมาก ออกจาก พ.ร.บ.สุราฯ ระบุละเมิดภูมิปัญญาชาวบ้าน และการประกอบอาชีพ ด้านผู้ผลิตเฮ ชี้อนาคตตลาดแป้งหมากสดใส แนะรัฐไม่ต้องหวั่นเกรงว่าจะมีการลักลอบนำไปทำเหล้าเถื่อน
https://kawmakpaphada.blogspot.com/2011/06/blog-post_17.html

นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ รองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงภายหลังการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ที่ประชุมคณะตุลาการเสียงข้างมาก วินิจฉัยว่า พ.ร.บ.สุรา 2593 มาตรา 24 และ 26 ซึ่งมีข้อความว่า "เชื้อสุรา" ที่หมายความรวมถึง "แป้งข้าวหมัก" (แป้งข้าวหมาก) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 50

คดีดังกล่าว ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไวยวัฒน์ ได้รับอนุญาตให้ทำ และขายข้าวหมัก ตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งการขอและต่อใบอนุญาต กำหนดให้ห้างหุ้นส่วนฯ ไวยวัฒน์ ต้องทำสัญญาไว้ต่อเจ้าพนักงานของกรรมสรรพสามิต ว่า จะต้องค้าแป้งข้าวหมักในสถานที่ที่ตั้งสำนักงานของห้างหุ้นส่วนที่ขอเท่า นั้น รวมทั้งจะต้องซื้อแป้งข้าวหมักจากร้าน หรือที่ทางการกำหนดไว้เท่านั้น และจะต้องลงบัญชีรับจ่ายแป้งข้าวหมักทุกครั้งที่มีการซื้อมาขายไป

ห้างหุ้นส่วน ไวยวัฒน์ เห็นว่า ระเบียบดังกล่าว ทำให้ห้างหุ้นส่วน ไวยวัฒน์ ไม่สามารถทำธุรกิจค้าแป้งข้าวหมักได้โดยเสรีทั่วประเทศ เพราะติดระเบียบกรมสรรพสามิต ว่าด้วยการทำและขายแป้งข้าวหมักพ.ศ. 2542 

ห้างหุ้นส่วนฯ เห็นว่า รัฐธรรมนูญได้บัญญัติเรื่อง การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน ในการประกอบอาชีพ และอนุรักษ์ฟื้นฟูภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งการประกอบธุรกิจผลิตและขายแป้งข้าวหมาก ถือเป็นการขายภูมิปัญญาท้องถิ่น สมควรได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญด้วย จึงได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครอง 

ต่อมาศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง ห้างหุ้นส่วน ไวยวัฒน์ จึงยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า เป็นคำร้องที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ จึงได้ส่งเรื่องมายังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย โดยชะลอการพิจารณาคดีไว้ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย

นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เห็นว่า มาตรา 24 และ 26 ของพ.ร.บ.สุรา 2493 ข้อความที่ระบุว่า เชื้อสุรา หมายรวมถึงแป้งข้าวหมัก ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 และไม่สามารถใช้บังคับได้อีกต่อไป เนื่องจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า มาตรา 50 บัญญัติให้บุคคลมีเสรีภาพในการประกอบกิจการประกอบอาชีพ และแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม การจำกัดเสรีภาพในการกระทำเหล่านี้จะกระทำไม่ได้

ซึ่งคำว่าเชื้อสุรานั้น เมื่อดูนิยามของความหมายใน มาตรา 4 ของ พ.ร.บ.สุรา ระบุให้หมายความว่า แป้งเชื้อสุรา แป้งหมัก หรือเชื้อใดๆ ซึ่งเมื่อหมักกับวัตถุ ของเหลวอื่นแล้ว สามารถทำให้เกิดแอลกอฮอล์ที่ใช้ทำสุราได้ก็ตาม แต่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า แป้งข้าวหมักมีลักษณะที่ไม่ใช่เชื้อสุราในตัวเอง สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น อาหาร ยา 

ดังนั้น การที่มาตรา 24 บัญญัติว่า ทำหรือขายเชื้อสุรา ที่มีความหมายรวมถึงแป้งข้าวหมัก จึงเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 รวมทั้งยังเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 46 ที่บัญญัติให้บุคคลซึ่งรวมตัวกับเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม ย่อมมีสิทธิอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น และของชาติด้วย แต่เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีบทกฎหมายบัญญัติรองรับมาตราดังกล่าว จึงไม่สามารถอ้างได้ว่า มาตรา 24 ขัดหรือแย้งกับ มาตรา 46 

รายงานข่าวแจ้งว่า ในระหว่างการประชุม คณะตุลาการได้หยิบยกประเด็นเกี่ยวกับการผลิต และจำหน่ายยีสต์ ซึ่งถือว่าเป็นเชื้ออย่างหนึ่ง เมื่อนำมาหมักและก่อให้เกิดเป็นสุรา หรือที่เรียกว่าไวน์ได้เช่นกัน ซึ่งการจำหน่ายยีสต์ดังกล่าว ในขณะนี้ก็มีการเปิดจำหน่ายอย่างเสรี และจำหน่ายโดยทั่วไป ดังนั้น การจำกัดการผลิต และการจำหน่ายแป้งข้าวหมาก ตามที่พ.ร.บ.สุราระบุไว้ โดยอ้างว่าเหตุที่จะต้องควบคุมให้ขออนุญาต เพราะไม่ต้องการให้มีการนำไปผลิตสุราเถื่อน ซึ่งความเป็นจริงแล้ว หากจะเอาแป้งข้าวหมักไปผลิตเป็นสุรา ก็มีดีกรีเพียงแค่ 5 ดีกรีเท่านั้น ถือว่าน้อยมาก 

ด้านนายสุวัฒน์ บุพฤทธิ์ เจ้าของห้างหุ้นส่วน ไวยวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในเรื่องนี้แล้ว คิดว่าน่าจะทำให้การผลิตอาหาร และยารักษาโรค ที่จะต้องใช้แป้งข้าวหมักเป็นส่วนผสม น่าจะดีขึ้นในอนาคตเพราะที่ผ่านมา ผู้ผลิตมีปัญหาในเรื่องการผลิตและจำหน่าย ที่ไม่สามารถจำหน่ายนอกพื้นที่ ที่ได้ยื่นขออนุญาตไว้ 

"ผมทราบว่าโรงงานที่ผลิตแป้งข้าวหมักทั่วประเทศ จนถึงขณะนี้มีอยู่ไม่ถึง 10 แห่ง สิ่งที่ทางราชการกลัวว่า หากอนุญาตให้จำหน่ายนอกพื้นที่ ที่ขออนุญาตได้ จะนำไปผลิตสุราเถื่อน เรื่องดังกล่าว คิดว่าคงจะไม่คุ้มต้นทุน เนื่องจากผู้ที่ต้องการผลิตสุราเถื่อน ไม่นิยมนำแป้งข้าวหมักมาใช้ในการผลิต เพราะจะดูแลยาก อีกทั้งตัวแป้งข้าวหมัก จะต้องควบคุมอุณหภูมิ ผู้ผลิตส่วนใหญ่จึงนิยมใช้ส่าเหล้า มาใช้ในการผลิตสุราเพราะง่ายกว่า" นายสุวัฒน์ กล่าว

https://kawmakpaphada.blogspot.com/2011/06/blog-post_17.html

https://youtu.be/PFIS2oMUwgE

ยังไงกันแน่...!! กรมสรรพสามิตโร่แจงไม่ได้จับยายเพราะขายข้าวหมากแต่จับเพราะยายขายเหล้าสาโท ส่วนยายกลับแจงว่า ไม่ได้ขายเหล้าแต่ขายน้ำข้าวหมาก จึงไม่คิดว่าผิด ...
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1851087301635997&id=164754706935940








Dairyhome Greek Yogurt

เราเป็นแฟนแดรี่โฮมอยู่แล้ว เห็นความพยายามในการสร้างฟาร์มโคนมออร์แกนิกที่ดูแลคุณภาพเข้มข้น และขยันผลิตไลน์ทางเลือกใหม่ๆ ให้คนรักสุขภาพและแคร์สิ่งแวดล้อม ซึ่งนอกจากโยเกิร์ตออร์แกนิกเนื้อนุ่มดึ๋งรสธรรมชาติที่เราเป็นแฟนประจำมายาวนาน เพราะรสสบายใจ ก็มีกรีกโยเกิร์ตเนื้อข้นไขมันเข้ม ที่กินทีไรก็จุใจทุกที ด้วยความข้นมันจากนมโคคุณภาพดี เต็มประโยชน์ด้วยโปรตีนเต็มขั้น
ที่สำคัญ กรีกโยเกิร์ตยังเหมาะกับการเพิ่มความหอมมันในเมนูอาหารอื่นๆ นอกเหนือไปจากการกินเปล่าๆ กับกราโนล่า หรือผลไม้แห้งแบบเดิมๆ เพราะแค่เราเปลี่ยนจากมายองเนสไขมันล้วน เป็นกรีกโยเกิร์ตก็ให้รสสดชื่นดี ฟิลลิ่งกินอาหารเมดิเตอร์เรเนียนปนตะวันออกกลาง วันไหนอยากได้รสสัมผัสเข้มข้น วางใจกรีกโยเกิร์ตของแดรี่โฮมได้เลย


Bulgaria 110กรัม รสไม่หวานไม่มีน้ำตาล  นมโค85%
นมผงขาดมันเนย1.6% โปรตีนแบบเข้มข้น0.09%
ปราศจากการแต่งกลิ่น รส สารทำให้คงตัว
กินยากเหมือนกัน 



อา.27ตค.62 ซื้อที่บิ๊กซีศก.เป็นถ้วยเท่าโยเกิร์ตดัชชี รสไม่หวานเพราเป็นนมโค97%นมผง?3%ไม่มีน้ำตาล กินยากเหมือนกัน 39บาท?

https://www.yolidayogurt.com/where-to-buy/






ศ.25ตค.62 ซื้อที่โลตัสอุทุมพร 8ขวด อา.27ตค.62 ไปซื้ออีก ไม่มี ไป ซื้อที่บิ๊กซีศก.3ขวด
ส.12ตค.62 เราไปซื้อที่โลตัสอุทุมพร 3ขวด ถวายหลวงปู่่1 เรากินกับตา2ขวด ขวดละ300ml.

ไร่ยานา อ.วังม่วง สระบุรี
https://www.itmoamun.com/ไร่ยานา/



บุญบูรณ์ฟาร์ม

ประเภท: ฟาร์มนมแพะ และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากนมแพะที่ตั้ง: 120/5 ม.3 หมู่บ้านแพะหนองแดง ตำบลทุ่งฝาย อำเภอเมืองฯ จังหวัดลำปาง 52000ผู้ก่อตั้ง: ชญาน์วัต สว่างแจ้งFacebook : Boonboon goatmilk farm  รีดนมด้วยมือ ไม่ผสมนมผง
ชื่อของบุญบูรณ์ มากจากข้อธรรมที่เรียกว่า จั กร 4
องค์ประกอบ 4 อย่างที่จะทำให้เกิดจักร 4 จักร หรือล้อ 4 ล้อ เคลื่อนพาชีวิตไปสู่ความเจริญ ประกอบด้วย 
หนึ่งคือ การได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี 
สองคือ การพบกัลยาณมิตร มีเพื่อนมีครูที่ดี 
สามคือ การมีความรู้ความเห็นถูกต้อง วิชาการและคุณธรรม 
สี่คือ การประกอบด้วยบุญเก่าที่สะสมมา ซึ่งวัตตีความว่าบุญเก่าคือทั้งหมดที่เราทำในวินาทีนี้ มันคือเหตุซึ่งผลอาจจะเกิดในนาทีถัดไปก็ได้ ถ้าเราสร้างเหตุไว้ดี ผลก็ย่อมดี

เขาก็ยอมรับว่าราคานมแพะสูงกว่านมวัวที่มีในตลาดถึง 3 เท่า เนื่องจากต้นทุนการผลิตและจัดการที่สูง 
https://readthecloud.co/porlaewdee-boonboonfarm/






กทม.ติดต่อที่รามคำแหง160




ที่บางน้ำเปรี้ยว



ตลาดเกษตรกรถาวร ราชบุรี เปิดอัง.ศ.06-12:00
อรภร ไพศาลพยัคฆ์ เกษตรกรเจ้าของฟาร์มแพะนม "ทีที การ์เด้นแอนด์โกท ฟาร์ม" ใน ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ซึ่งได้นำผลิตภัณฑ์แปรรูป "นมแพะทอดกรอบ" มาจำหน่ายในตลาดแห่งนี้ โดยเธอเผยว่าเป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่และเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวใน จ.ราชบุรีที่คิดค้นผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อต้องการนำน้ำนมแพะมาแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น นอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันได้แก่ โยเกิร์ตนมแพะ นมแพะ พาสเจอร์ไรส์ และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางดูแลผิวจากนมแพะ

https://www.msn.com/th-th/news/national/เปิดแล้ว-ตลาดเกษตรกรถาวรจราชบุรี/ar-AAEk5wY




ในรูปเห็นชัดว่าเป็นนมอุตสาหกรรม ใช้ชื่อภาษาอังกฤษ มองว่าคนซื้อ
เชื่อถือ ชวดละ35บาท


รีดนมด้วยเครื่องจักร เรา:ไม่เมตตา  เบียดเบียน จะเอานมอย่างเดียว


http://singlefarmdairy.com/?gclid=Cj0KCQjwrfvsBRD7ARIsAKuDvMMdWCIbMMyWlYTarZkvGnWhmSRCVczJ2tUIYBBqrLdRVFS14-2wQIMaAvUXEALw_wcB#info


จำหน่ายอาหารจากเนื้อแพะ

https://m.facebook.com/home.php



นมผงอุตสาหกรรมนำเข้าจากนิวซีแลนด์ ราคาสูง https://m.facebook.com/dgsmartclub/photos/pcb.2744075622291573/2744074802291655/?type=3&source=49