วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ข้าว:กินแบบไหนดี /รำข้าว








ข้าวมีมอดทำยังไง:ให้เอาข้าวใส่กระด้งตากแดด มอดจะออกไปเอง แล้วฝัดไล่ฟุ่น เอาข้าวกลับมากินได้อีก


ในเว็บ8พันธุ์ข้าวสายพันธุ์เขียน“สินเหล็ก


ข้าวกข43



********************************************************************
ข้าวเหลือแช่ตู้เย็น อุ่นกินได้





********************************************************************



********************************************************************

ข้อแนะนำ หลังอายุ 30 ต้องกินกลุ่มแป้งลดลง เพราะแป้งผลผลิตก็เป็นน้ำตาล
30 ปี มื้อหนึ่งกินข้าว 2 ทัพพี 40 ปี มื้อหนึ่งกินข้าว 1 1/2 ทัพพี 50 ปี มื้อหนึ่งกินข้าว 1 ทัพพี
60 ปี มื้อหนึ่งกินข้าว 1/2 ทัพพี"

หมอบุญชัย
https://youtu.be/kOglwM81Z5c

********************************************************************



กินข้าวหลากหลายพร้อมกันเป็นเรื่องที่ดีกว่าเพราะอะไร

กินข้าวพร้อมกันหลายสีหลายสายพันธ์ุ ทั้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียว
เพื่อร่างกายจะได้รับธาตุหรือสารอาหารและพลังงานมากขึ้นกว่าเดิม

การแช่ข้าวหรืออาหารเมล็ดอื่นๆทุกชนิด เพื่อปลุกเม็ดพันธุ์ให้ตื่น กระบวนการของชีวิตได้ทำงาน จะได้คุณค่าของธาตุอาหาร เราจะรู้สึกถึงชีวิตชีวาและพลังที่ดีกว่า

ที่มา ไพโรจน์ อรรคสีวร.(ไพรลั่น).กิน-อยู่เพื่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า เล่ม 2.




********************************************************
รำข้าว

ประโยชน์ของรำข้าว ต่อร่างกาย
  1. ช่วยให้ถ่ายอุจจาระคล่อง ท้องไม่ผูก และทำหน้าที่กวาดลำไส้ โดยรำข้าวจะเป็นตัวอุ้มน้ำ ทำให้อุจจาระพองตัวช่วยทำให้การเคลื่อนของอุจจาระเร็วและสะดวกขึ้น
  2. ป้องกันเนื้องอกในลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก
  3. ป้องกันลำไส้โป่ง (Diverticulosis) ป้องกันริดสีดวง ตลอดจนการเกิดไส้ติ่ง และนิ่วในถุงน้ำดี รวมทั้งป้องกันการเกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ (Coronary artery)
  4. การวิจัยของ ดร.แมนดารู เอส เรดดี้ (Dr.Mandaru S.Reddy) จากสถาบันเนย์เลอร์ดานา (Naylerdana) นิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่ากากใยในรำข้าวสาลีทำให้อุจจาระเป็นก้อน ทำให้กรดในถุงน้ำดี (Bile acid) เจือจางและรวมตัวกับสารต่างๆที่ช่วยเร่งการเป็นมะเร็งไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่แล้วทั้งหมดจะถูกขับถ่ายออกจากร่างกายทางอุจจาระ
  5. รำข้าวช่วยขัดขวางการเจริญเติบโตของเนื้องอก
แพทย์และนักโภชนาการมักแนะนำให้รับประทานรำข้าวพร้อมกับอาหารซึ่งบางท่านอาจรับประทานยาก จำเป็นต้องใช้วิธีหลอกล่อตนเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่งจะเริ่มต้นรับประทานรำข้าว คำแนะนำดังต่อไปนี้อาจช่วยได้มากคือ
  1. นมสด 1 แก้ว ผสมรำข้าว 1-2 ช้อนชาพูน
  2. ต้มกับนม คนให้ข้นแบบข้าวโอ๊ต
  3. โรยบนข้าวสวยร้อน
  4. ปนกับไข่เจียว หรือไข่ทอด หมูสับ ทอดมันกุ้ง ทอดมันปลา มะพร้าวทรงเครื่อง(อาหารภาคใต้)
  5. ปนกับแป้งโกกิ ชุบปลา ชุบเนื้อ ไก่ กุ้ง และปลาหมึก แล้วนำไปทอด
  6. ใช้แทนข้าวคั่ว ใส่ปนลงกับลาบ กับแจ่ว ปลาร้า แกงแค และผสมกับมะพร้าวคั่วใส่ข้าวยำปักษ์ใต้ ล้วนแต่ทำให้อาหารเหล่านี้หอมดีกับให้รสอร่อยมากขึ้น

 รำข้าวมีส่วนร่วมในการกำจัดสารพิษโลหะหนักสารพิษออกจากร่างกาย
ข้อควรระวัง

รำช่วยในการผูกและขจัดออกสิ่งมีชีวิตไม่เพียง แต่ของตะกรันเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสารใด ๆ รวมถึงสารที่เป็นประโยชน์ ดังนั้นการใช้เป็นเวลานานในปริมาณมากอาจทำให้เกิดภาวะ hypovitaminosis หรือการขาดธาตุบางชนิด
ปริมาณรายวันในอาหารของรำข้าวสาลีสำหรับคนไม่ควรเกิน 30 กรัม
http://www.th.rowland98.com/krasota-i-zdorove/31313-pshenichnye-otrubi-polza-i-vred.html

*******************************************************************************

เปลี่ยนวิธีกิน พิชิตโรคร้าย ความดัน เบาหวาน มะเร็ง คอเรสเตอรอล ฯลฯ ไม่ต้องรักษาด้วยยา นพ บุญชัย


https://youtu.be/kOglwM81Z5c

เปลี่ยนวิธีกิน พิชิตโรคร้ายยอดฮิต ความดัน เบาหวาน มะเร็ง คอเรสเตอรอลในเลือดสูง โรคอ้วน ป้องกันไตวาย ฯลฯ ไม่ต้องรักษาด้วยยา

อันตรายจากน้ำตาลเริ่มดูที่11.24 "ในเลือดมนุษย์เรามีนำ้ตาลแค่ครึ่งช้อนชาเอง เราชงกาแฟถ้วยหนึ่งสำหรับคนไม่ติดหวานก็ใช้นำ้ตาล 2 ช้อนแล้ว น้ำตาล 2 ช้อนชาเทียบกับในเลือดครึ่งช้อนชามันคือ 4 เท่าคือ 400 % น้ำอัดลม 1 ขวดมีน้ำตาล 8 ช้อนชา ในเลือดเรามีน้ำตาลครึ่งช้อนชา เราก็ใส่ไป 1600% คนจะกินเครื่องดื่มให้ดูข้างขวดว่ามีน้ำตาลกี่กรัม 5กรัม = 1 ช้อนชา ในเลือดเรามีน้ำตาลครึ่งช้อนชา = 2.5 กรัม มันเป็นกี่เท่า

ถ้าต้องการแข็งแรงไม่ควรกินน้ำตาลเลย เพราะว่าเรากินผักมันมีแป้งอยู่แล้วและมันก็ย่อยได้ กินผลไม้แม้จะไม่หวานก็มีทั้งแป้งและน้ำตาลอยู่แล้ว การได้อย่างนี้เป็นการได้เพื่อบำรุงร่างกาย เพราะมันได้เข้ามาทีละนิดๆ ร่างกายเราใช้ทัน มันจะไม่เกิดการสะสม

เมื่อน้ำตาลเข้าร่างกายเป็นหมื่น%จะเกิดอะไรขึ้น
ปกติภาวะร่างกายที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติมันจะมีเรื่องฉุกเฉิน คือการหนีภัย การต่อสู้ สิงโตมา ซึ่งร่างกายเราก็จะผลิตน้ำตาลเยอะๆออกมาเพื่อใช้พลังงาน สมองก็จะสั่งการ ต่อมหมวกไตก็จะสร้างฮอร์โมนแอดรีนารีนฮอร์โมนไฟไหม้ ฮอร์โมนยกตุ่ม อันนี้ไว้สู้กับเสือดีหนีสิงโตได้ แต่เรื่องพวกนี้เราทำให้มันเกิดตลอดเวลาจากการดื่มน้ำตาลเข้าไป แล้วทำภาวะเทียมให้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นร่างกายเราก็ถูกทำลายทั้งระบบเลย....คือเราทำให้เกิดภาวะต่อสู้วันหนึ่ง 10-20 ยก เรารู้สึกดี สดชื่น มีแรง จะไปสู้กับสิงโตอันนั้นดี แต่ไม่ใช่นั่งอยู่ดีๆเราก็จัดการกับตัวเราเองบ่อยๆ เราถูกกระตุ้นบ่อยๆ เพราะฉะนั้นอวัยวะเราก็พัง พังก็เกิดโรค

ข้อแนะนำ หลังอายุ 30 ต้องกินกลุ่มแป้งลดลง เพราะแป้งผลผลิตก็เป็นน้ำตาล
30 ปี มื้อหนึ่งกินข้าว 2 ทัพพี 40 ปี มื้อหนึ่งกินข้าว 1 1/2 ทัพพี 50 ปี มื้อหนึ่งกินข้าว 1 ทัพพี
60 ปี มื้อหนึ่งกินข้าว 1/2 ทัพพี"

******************************************************************************
ข้าวกล้องยิ่งกินยิ่งแย่ เพราะข้าวกล้องมีสารอาหารเยอะมาก ดีมาก ของดีเข้าร่างกายต้องย่อยหนัก ร่างกายร้อน เสียพลังงาน หมดกำลัง
คนป่วยห้ามกินข้าวกล้อง
ที่วัดบางคนกินข้าวกำ่ไม่ได้บอกว่าผิดกะบูรคืออย่างนี้เอง
หมอเขียวให้กินข้าวกล้องหน้าหนาวแค่นั้น
https://youtu.be/sjjrEL8_Dvw

********************************************************

ข้าวขัดขาว1เมล็ดมีโปรตีน69(%) มีกรดอะมีโน9ชนิดที่จำเป็นและ11ชนิดที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย ข้าว1เมล็ดจึงมีกรดอะมีโนครบ20ชนิด
กินข้าวมีแต่แป้งจึงไม่จริง

(หลวงปู่เคยรับบาตรได้ข้าวก้อนเล็กๆก้อนเดียว มาแบ่งกับพระอื่นเพื่อฉัน)

คนพูดชื่อหมอวิชัย เอกทักษิณสันติ เคยสอนที่ม.แพทย์ญี่ปุ่น ลาออกกลับบ้านที่ไทย
https://youtu.be/greIHvkv6Zc

ปัจจุบันหมอพบว่าผู้ป่วยเพราะกินอาหารแสลงเมื่อเลิกกิน โรคหาย เช่น บางคนกินหมูแสลง บางคนกินไก่แสลง หมอจดโรคที่เป็นจากหมูเป็น10โรค


เราคิดว่า ให้สังเกตตัวเอง ที่หลวงปู่สอน“เห็นเจ้าของ“ เพราะมี2ฝั่ง หลวงปู่ไม่ห้ามกินเนื้อสัตว์
เพื่อหาคำว่ากินพอดีสำหรับเจ้าของนั่นเอง
หลวงปู่ใช้คำว่า“จะได้ประคับประคองร่างกายนี้ให้ผ่านไปได้

********************************************************

ข้าวเหลือแช่ตู้เย็น อุ่นกินได้




วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2560



8 วิธีไล่แมลงแบบธรรมชาติ ภูมิปัญญาชาวบ้านไม่ง้อสารเคมี

1. พริกแห้งไล่มอดออกจากข้าวสาร
         หยิบพริกแห้งมา 1 กำมือมาห่อด้วยผ้าขาวบางแล้วใส่ลงไปในข้าวสาร มอดจะทนความเผ็ดร้อนของพริกไม่ไหว

2. ถูเปลือกส้มกันแมงมุมเข้า
      นำเปลือกส้มหรือพืชในตระกูลส้มมาถู ๆ บี้ ๆ ให้น้ำมันจากเปลือกออกมา แล้วทำไปวางไว้บริเวณชั้นวางของ หน้าต่าง หรือมุมเพดานบ้าน แล้วแมงมุมมันจะเหม็นกลิ่นเปลือกส้ม

3. ไล่ยุงร้ายด้วยน้ำมันยูคาลิปตัส
         ทาน้ำมันยูคาลิปตัสที่มีกลิ่นเลมอน ก็จะช่วยไล่ยุงให้ห่างไกลจากตัวเรายิ่งกว่าเดิมและไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกายมนุษย์อีกด้วย

4. น้ำกระเทียมกำจัดเพลี้ยในต้นไม้
     นำกระเทียมประมาณ 1 กำมือมาตำพอแหลกแล้วแช่ในน้ำเปล่า 3 ลิตรทิ้งไว้  1 วัน จากนั้นกรองเอาแต่น้ำไปฉีดพ่นเพลี้ยตามใบไม้ให้หนีหาย

5. พ่นน้ำส้มสายชูเปลี่ยนที่อยู่ให้มด
        เอาน้ำส้มสายชูเทลงในขวดสเปรย์ แล้วไปฉีดไล่ตามที่ที่มันย้ายไปอยู่ แต่ถ้าจะฉีดบนวัสดุที่เป็นผ้าขอให้ลองทดสอบจุดเล็ก ๆ ดูก่อน ถ้าเนื้อผ้าและสีผ้าไม่เปลี่ยนแปลงหรือเสียหายก็เป็นอันใช้ได้

6. โรยผงอบเชยที่มุมเด็กเล่นในสวนป่วนหัวแมลง
          นำไปโรยที่สนามหญ้าหรือกองทรายที่เด็ก ๆ ชอบไปเล่น เจ้าแมลงอันตรายทั้งหลายก็จะไม่มาก่อกวนผิวหนังอีกเลย

7. แป้งเด็กทำผึ้งและตัวต่อบินไม่เป็น
          ผึ้งน้อยและตัวต่อยักษ์ใหญ่ไม่ชอบกลิ่นและเนื้อแป้งที่ฟุ้งอยู่ในอากาศ เพราะทำให้วิสัยทัศน์การบินของมันแย่ลง สามารถไล่พวกมันให้ไกลห่างได้โดยโรยแป้งเด็กไว้รอบบ้านหรือเทใส่ถุงผ้าขาวบาง แล้วนำไปวางไว้ตามมุมที่คิดว่าผึ้งและตัวต่อชอบทำรัง

8. ขีดชอล์กห้ามมดผ่านข้ามแดนเข้ามาในบ้าน
       นอกจากน้ำส้มสายชูแล้วเรายังมีทริคสำหรับคุณมดผู้ขยันทั้งหลายที่กำลังย้ายรังมายังบ้านของเราให้หันหลังแล้วเดินกลับไปซะ โดยการขีดชอล์กกั้นเขตแดนรอบ ๆ ตัวบ้านเอาไว้ ที่มดหน้าไหนก็ข้ามมาไม่ได้ทั้งนั้น