เม็ดเลือดขาวต่ำมีอาการอย่างไร?
เมื่อเม็ดเลือดขาวต่ำ
อาการแสดงทางร่างกายเบื้องต้นไม่มี ยกเว้น อาจอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร แต่โดยทั่วไป
ตรวจพบเมื่อผู้ป่วยพบแพทย์ด้วยการแสดงการติดเชื้อแล้วซึ่ง อาจประกอบด้วย ไข้
(มีได้ทั้งไข้สูง และไข้ต่ำ) และอาการจากการติดเชื้อในระบบต่างๆของร่างกาย
ที่พบบ่อย ได้แก่ ไอ มีเสมหะเมื่อมีการติดเชื้อในทางเดินหายใจ ปัสสาวะสีขุ่น
ปวดแสบเวลาปัสสาวะ เมื่อมีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ และท้องเสีย
อาจร่วมกับปวดท้อง เมื่อมีการติดเชื้อในทางเดินอาหาร
ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีเม็ดเลือดขาวต่ำ?
การดูแลตนเองในเบื้องต้นเมื่อมีเม็ดเลือดขาวต่ำ
ที่สำคัญ คือ
1. ควรมีปรอทวัดไข้ทางปาก
(เรียนรู้วิธีวัดปรอทจากพยาบาล) วัดปรอทเช้า–เย็น
และจดบันทึกอุณหภูมิทุกวัน เมื่อพบมีไข้ ควรรีบแจ้ง
พยาบาล/แพทย์/เจ้าหน้าที่ห้องฉายแสง
2. ดื่มน้ำสะอาดมากๆ อย่างน้อยวันละ
6-8 แก้ว เมื่อแพทย์ไม่สั่งให้จำกัดน้ำดื่ม
เพื่อให้ร่างกายขับของเสียออกทางปัสสาวะ จะช่วยฟื้นฟูไขกระดูกได้วิธีหนึ่ง
3. รับประทานอาหารมีประโยชน์ 5 หมู่ พยายามให้ครบห้าหมู่ในทุกมื้ออาหาร และในทุกๆวัน
โดยเฉพาะอาหารหมู่โปรตีนเพราะ เป็นอาหารสำคัญมากในการเสริมสร้างไขกระดูก
4.พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายได้ดี
และฟื้นกลับมามีภูมิต้านทานคุ้มกันโรคที่ดี
5. สังเกตอาการแสดงว่าร่างกายได้รับเชื้อโรค
เช่น ท้องเสีย ไอ เจ็บคอ หนาวสะท้าน เหนื่อยหอบ
6. รับประทานยาลดไข้เมื่อวัดปรอทได้สูงตั้งแต่
38°C (เซลเซียส) และใช้น้ำอุณหภูมิปกติช่วยเช็ดตัว
โดยเฉพาะตามข้อพับต่างๆ (เพราะมีเส้นเลือดอยู่ การเช็ดตัวในส่วนนี้
จึงลดอุณหภูมิร่างกายได้ดี) หลังจากนั้นถ้ายังมีไข้สูง หรือ ไข้ไม่ลง (ภายใน 24 ชั่วโมง) ให้รีบพบแพทย์ หรือ พบแพทย์เป็นการฉุกเฉิน
ทั้งนี้ขึ้นกับความรุนแรงของอาการ
7. รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน
(สุขบัญญัติแห่งชาติ) เสมอ เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ และเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
การดูแลตนเองเมื่อทราบแล้วว่ามีเม็ดเลือดขาวต่ำ:
ข้อควรปฏิบัติ
1. ดูแลความสะอาดร่างกาย ผม เล็บ
เช่น สระผมทุกวัน อาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตัดเล็บมือ
เล็บเท้าให้สั้น ล้างมือบ่อยๆให้สะอาดอยู่เสมอ
2. เสื้อผ้า ของใช้ ควรทำความสะอาด
และแยกไม่ปะปนกับผู้อื่น
3. รักษาความสะอาดที่พักอาศัย
ควรให้อากาศถ่ายเทได้ดี เครื่องนอนควรซักให้สะอาด ในห้องพักไม่ควรมีดอกไม้สด
หรืออาหารวางค้างไว้
4. แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง พบทันตแพทย์ตามนัด หรือ อย่างน้อยทุก 6 เดือน
5. รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่
สะอาด ควรเป็นอาหารที่ทำเอง หรือจากร้านที่สะอาดถูกสุขอนามัย ไว้ใจได้
6. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร (ประมาณวันละ 8-10 แก้ว)
เมื่อแพทย์ไม่สั่งให้จำกัดน้ำดื่ม
7. นอนหลับวันละ 6-8 ชั่วโมง ถ้าเป็นไปได้อาจไปพักผ่อนต่างจังหวัด (ในวันที่ไม่มีการรักษา)
ที่มีธรรมชาติบริสุทธิ์ เช่น ชายทะเล ภูเขา เพื่อให้จิตใจเบิกบาน แจ่มใส
ซึ่งอาจช่วยให้เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น
8. รับประทานยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อให้ครบตามแพทย์สั่ง
9. รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน
เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ และเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
การดูแลตนเองเมื่อทราบแล้วว่ามีเม็ดเลือดขาวต่ำ:
ข้อควรหลีกเลี่ยง (งดปฏิบัติ)
1. หลีกเลี่ยงการอยู่ในชุมชนที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก
เช่น ตลาด โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า ถ้าจำเป็นต้องไป ควรใช้หน้ากากอนามัย ปิดปาก–จมูก และไปในช่วงไม่แออัด เช่น เมื่อห้างเริ่มเปิด
เมื่อเสร็จธุระให้รีบกลับบ้าน
2. งดรับประทานผักสด หรือ
ถ้าอยากรับประทานมีข้อควรพิจารณาดังนี้
ผักสด
ถ้าอยากรับประทานควรล้างให้สะอาดแล้วต้มให้สุก
ผลไม้
ควรล้างให้สะอาดแล้วปลอกเปลือกและรับประทาน ให้หมดไม่วางทิ้งไว้นาน
น้ำผลไม้
ควรคั้นเองโดยเน้นล้างให้สะอาดก่อนคั้นหรือ เมื่อดื่มชนิดพร้อมดื่ม (ผลไม้กระป๋อง
หรือ น้ำผลไม้กล่อง) ควรเลือกชนิดที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว
(ดูกรรมวิธีผลิตจากข้างกระป๋อง/กล่อง หรือ จากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน)
3. ห้ามวัดปรอททางทวารหนักเด็ดขาดเพราะอาจทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นฉีกขาดและนำไปสู่การติดเชื้อที่รุนแรงได้
4. งดการว่ายน้ำในสระว่ายน้ำ
หรือแหล่งน้ำธรรมชาติ เพราะมักมีเชื้อโรคอยู่มากมาย ซึ่งอาจเข้าสู่ร่างกายได้
โดยเฉพาะในภาวะมีภูมิคุ้มกันต้านทานต่ำ
5. หลีกเลี่ยงการอยู่ร่วมกับผู้ที่ไม่สบาย
ผู้ป่วย หรือเป็นโรคติดต่อ เช่น เป็นหวัด อีสุกอีใส
หรือคน/เด็กที่เพิ่งได้รับวัคซีนเชื้อเป็น (เช่น วัคซีนโปลิโอ)
6. ไม่กินโยเกิร์ต หรือ นมเปรี้ยว
เพราะมีเชื้อที่มีชีวิต ซึ่งอาจแข็งแรงจนก่อโรคในยามเรามีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ
7. งดอยู่ใกล้สัตว์เลี้ยง
เพราะมักมีเชื้อโรคอยู่ตามร่างกาย ขน หรือ สารคัดหลั่งของสัตว์เหล่านั้น
กรณีที่ต้องการดูแลเพิ่มเป็นพิเศษ
1. มีภาวะอักเสบของเยื่อบุต่างๆจากการรักษา
เช่น การอักเสบในช่องปาก เพราะอาจส่งผลกระทบหลายประการทั้งปัญหาการพูด
หรือกลืนอาหาร เกิดความเจ็บปวดจากบาดแผล และก่อการติดเชื้อได้ง่าย
ซึ่งมีข้อควรปฏิบัติดังนี้
1.1 รักษาความสะอาดในช่องปากโดยการแปรงฟันอย่างน้อยวันละ
2 ครั้งเลือกแปรงสีฟันชนิดขนอ่อนนุ่มที่สุด
และยาสีฟันชนิดไม่เผ็ด (ยาสีฟันเด็ก)
1.2 อมบ้วนปากบ่อยๆ หลังอาหาร และหลังเครื่องดื่มทุกครั้ง สูตรที่แนะนำคือ
น้ำสะอาด 1 ลิตร ผสมเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
ทำวันต่อวัน
1.3 เลือกรับประทานอาหารที่อ่อนนุ่ม รสไม่จัด (ไม่เปรี้ยว ไม่เผ็ด) ไม่ร้อนจัด
1.4 ระวังอย่าให้ท้องเสีย เพราะเพิ่มโอกาสติดเชื้อสูงขึ้นมาก
2. ถ้าแพทย์วินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อ
และได้รับยาปฏิชีวนะแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้น ยังมีไข้สูง หนาวสั่น ซึมลง ท้องเสียรุนแรง
เจ็บปาก–คอมาก ควรรีบพบแพทย์เป็นการฉุกเฉิน
ดูแลตนเองอย่างไรเพื่อป้องกันเม็ดเลือดขาวต่ำ?
การป้องกันภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ
เมื่อรักษาโรคมะเร็งด้วยยาเคมีบำบัด และ/หรือ รังสีรักษา ที่สำคัญ ได้แก่
1. กินอาหารมีประโยชน์ 5 หมู่ ในทุกมื้อ และทุกวัน เน้น อาหารโปรตีนสูง เช่น ไข่
(เมื่อกินอาหารได้น้อย ไม่ต้องกังวลเรื่องกินไข่แดง กินได้ทั้งไข่ขาวและไข่แดง
วันละ 2 ฟอง) เนื้อสัตว์
ปลา นม(เมื่อกินแล้วไม่ท้องเสีย) ตับ และนมถั่วเหลือง และ เมื่อมีปัญหา หรือ
ความกังวลเรื่องกินอาหารควรปรึกษา แพทย์/พยาบาลเสมอ
2. ทำจิตให้แจ่มใส เข้าใจในโรค
และในชีวิต เพราะจิตใจ อารมณ์ที่แจ่มใสเบิกบานมีความสุข
กระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาวให้มีภูมิคุ้มกันอยู่เสมอ
3. ดื่มน้ำสะอาดให้ได้อย่างน้อยวันละ
6-8 แก้ว เมื่อแพทย์ไม่สั่งให้จำกัดน้ำดื่ม
เพราะน้ำจะช่วยขับเศษยาเคมีบำบัดออกจากร่างกายทางปัสสาวะ
ไขกระดูกจึงฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอตามควรกับสุขภาพ
จะช่วยความแข็งแรงของทั้งร่างกายและจิตใจ
5. พักผ่อนให้เพียงพอ
นอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง
เพื่อร่างกายได้ซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายสึกหรอ และเพื่อสุขภาพจิต อารมณ์ที่แจ่มใส
6. รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน
เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี
ควรพบแพทย์เมื่อไร?